รอยเตอร์ – โซลหวังให้เปียงยาง-วอชิงตันมีโอกาสหารืออย่าง “สร้างสรรค์” หลังผู้แทนโสมแดงแจ้งกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ว่า เกาหลีเหนือเปิดใจพร้อมถกกับอเมริกา ด้านอเมริกาและชาติพันธมิตรสำคัญในเอเชียกำลังเตรียมขยายกำลังสกัดเรือต้องสงสัยละเมิดมาตรการแซงก์ชันต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งอาจรวมถึงการส่งหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ไปประจำการณ์ในน่านน้ำเอเชีย-แปซิฟิก
เบ็ก แต-ฮยุน โฆษกกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ แถลงในวันจันทร์ (26 ก.พ.) ระบุเกาหลีใต้คาดหวังว่า เกาหลีเหนือและอเมริกาจะเริ่มเจรจากันอย่างสร้างสรรค์ในโอกาสที่เหมาะสม
ทั้งนี้ มีการคาดว่า คณะผู้แทนเกาหลีเหนือที่นำโดย คิม ยอง-ชอล อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองทางทหารที่ถูกกล่าวหาว่า อยู่เบื้องหลังการโจมตีเรือรบเกาหลีใต้เมื่อปี 2010 ที่ทำให้ทหารเรือเสียชีวิต 46 นายนั้น จะพบกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้คนอื่นๆ ในวันจันทร์ก่อนเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น
คณะผู้แทนชุดนี้เข้าพบประธานาธิบดีมุน แจ-อินของเกาหลีใต้เมื่อวันอาทิตย์ (25 ก.พ.) ที่พย็องชาง ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ก่อนร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่จัดโดยโช มยุง-กยอน รัฐมนตรีกระทรวงรวมชาติ และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องสานต่อความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน
คิม ยอง-ชอลและคณะจะเดินทางกลับในวันอังคาร (27 ก.พ.) ซึ่งตามกำหนดการนั้น เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ-ใต้จะหารือกันเรื่องการเข้าร่วมโอลิมปิกฤดูหนาวของเกาหลีเหนือที่ด้านเหนือของหมู่บ้านปันมุนจอม
สำหรับคณะเดินทางของเกาหลีเหนือ 299 คน ซึ่งรวมถึงนักกีฬาและเชียร์ลีดเดอร์นั้น เดินทางกลับถึงบ้านเกิดตั้งแต่วันจันทร์
ทางด้านทำเนียบขาวระบุว่า การเจรจากับเกาหลีเหนือต้องนำไปสู่การยุติโครงการนิวเคลียร์ และเสริมว่าจะใช้มาตรการแซงก์ชันต่อไป โดยเมื่อวันศุกร์ (23 ก.พ.) วอชิงตันเพิ่งประกาศมาตรการลงโทษขนาดใหญ่ที่สุดเพื่อกดดันให้โสมแดงยุติโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
ต่อมาในวันอาทิตย์ เกาหลีเหนือประณามว่า อเมริกากำลังพยายามบ่อนทำลายการปรับปรุงความสัมพันธ์ของสองเกาหลี
แม้ไม่ได้ทดสอบขีปนาวุธนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่เปียงยางยืนกรานว่า โครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธสำคัญจำเป็นสำหรับการป้องปรามการรุกรานของอเมริกา
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ไม่ประสงค์ออกนามได้เปิดเผยว่า คณะบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และชาติพันธมิตรสำคัญในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ กำลังเตรียมขยายมาตรการสกัดเรือต้องสงสัยละเมิดมาตรการแซงก์ชันต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งอาจรวมถึงการส่งหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ไปประจำการณ์ในน่านน้ำเอเชีย-แปซิฟิก
แม้มีการสกัดเรือต้องสงสัยมาก่อน แต่กลยุทธ์ใหม่อาจขยายขอบเขตปฏิบัติการนี้ แต่ไม่ถึงขั้นบังคับใช้การปิดล้อมน่านน้ำต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งเปียงยางเตือนว่าจะถือเป็นการประกาศสงครามกับตน
กลยุทธ์ใหม่จะครอบคลุมการติดตามอย่างใกล้ชิด และอาจรวมถึงการยึดเรือต้องสงสัยขนชิ้นส่วนอาวุธและสินค้าต้องห้ามอื่นๆ เข้า-ออกจากเกาหลีเหนือ โดยที่อเมริกาอาจพิจารณาเสริมกำลังทางทะเลและอากาศสำหรับกองบัญชาการแปซิฟิก
แผนการขั้นต้นที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งไม่เคยเปิดเผยมาก่อน แสดงให้เห็นว่า อเมริกาต้องการรีบเร่งกดดันเกาหลีเหนือเข้าสู่การเจรจาว่าด้วยการยกเลิกโครงการอาวุธ เนื่องจากเชื่อว่า เปียงยางใกล้พัฒนาขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ที่โจมตีถึงอเมริกาสำเร็จ แม้ถูกนานาชาติแซงก์ชัน ซึ่งหลายครั้งมีการฝ่าฝืนด้วยการลักลอบขนถ่ายสินค้าที่ถูกแบนกลางทะเล
เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของสหรัฐฯ สำทับว่า อเมริกาต้องลงมือทำมากขึ้น เพื่อแสดงให้ผู้นำเกาหลีเหนือตระหนักถึงความมุ่งมั่นนี้ แต่ไม่รวมถึงมาตรการทางทหารโดยตรง
ความพยายามที่ว่าอาจเล็งเป้าหมายที่เรือในทะเลหลวงหรือน่านน้ำของประเทศใดๆ ที่ตกลงให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าแผนการนี้จะขยายออกไปนอกเอเชียไกลแค่ไหน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา วอชิงตันเพิ่มมาตรการลงโทษบริษัทและเรือนับสิบที่เชื่อมโยงกับการค้ากับเกาหลีเหนือ รวมทั้งเรียกร้องให้ยูเอ็นขึ้นบัญชีดำนิติบุคคลจำนวนหนึ่ง เพื่อสกัดการลักลอบขนถ่ายน้ำมันและถ่านหินให้เกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม มาตรการลงโทษล่าสุดบวกกับแผนการริเริ่มแข็งกร้าวทางทะเลอาจทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นอีกครั้งขณะที่ความสัมพันธ์ทางการทูตอันเปราะบางระหว่างสองเกาหลีมีแนวโน้มดีขึ้น นอกจากนั้นยังอาจทำให้ทรัพยากรทางทหารของอเมริกาตึงตัว ซึ่งอาจนำไปสู่ต้นทุนก้อนใหญ่ใหม่และความเคลือบแคลงของบางประเทศในเอเชีย