รอยเตอร์ – สหรัฐฯบอกกับองค์การการค้าโลก (WTO) ในวันนี้ (23) ว่า กฎระเบียบการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของจีนที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนหน้าดูเหมือนจะสร้างข้อจำกัดใหม่ให้กับเหล่าผู้ให้บริการข้ามพรมแดนและสมควรถูกยกมาพูดคุยใน WTO
“สหรัฐฯเรียกร้องให้จีนจัดการกับความกังวลเหล่านี้โดยด่วนและออกนโยบายใหม่ที่ส่งเสริมการส่งผ่านข้อมูลและการค้าบริการมากกว่ารบกวน” สหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงต่อคณะมนตรีว่าด้วยการค้าบริการของ WTO
ในเดือนมกราคมปี 2017 จีนได้ออกหนังสือเวียนว่าด้วย “การชำระล้างและการควบคุมตลาดบริการการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต” ซึ่งดูเหมือนจะมีการกำหนดข้อจำกัดใหม่ๆ เกี่ยวกับเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPNs) และวงจรอินเตอร์เน็ตแบบเช่าส่วนบุคคล
VPNs อาจถูกใช้เพื่อเข้าเว็บไซต์ที่ถูกแบนในจีนซึ่งมีการเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ตอย่างหนัก และบล็อกเว็บไซต์ที่พวกเขามองว่าท้าทายการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์หรือคุกคามเสถียรภาพ
หนังสือเวียนแสดงเจตนาที่จะแบน VPNS หรือวงจรอินเตอร์เน็ตแบบเช่าส่วนบุคคลกับศูนย์ข้อมูลต่างๆ ภายในและภายนอกจีน ถ้อยแถลงของสหรัฐฯ ระบุ
สหรัฐฯได้ยกตัวอย่างของบริการที่อาจได้รับผลกระทบเช่น บริษัทท่องเที่ยวในจีนที่เข้าถึงข้อมูลเที่ยวบินระหว่างประเทศ หรือลูกค้าที่ใช้ข้อความเพื่อเข้าถึงการสนับสนุนทางเทคนิค หรือบริการลูกค้าที่มีฐานในต่างประเทศ
VPNs ยังเป็นกลไกสำคัญที่จะรับประกันความปลอดภัยและการรักษาความลับของการส่งผ่านข้อมูล สหรัฐฯ ระบุ
กฎของ WTO กำหนดว่า มาตรการใดๆ ก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อเครือข่ายโทรคมนาคม จีนควรแจ้งต่อ WTO ก่อนและควรปรึกษากับสมาชิก WTO ที่ได้รับผลกระทบ สหรัฐฯ ระบุ
“เนื่องจากมาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 มีนาคม ปี 2018 เราจึงขอให้จีนตอบสนองต่อข้อสงสัยและความกังวลเหล่านี้โดยเร็ว” สหรัฐฯ ระบุ
วอชิงตันเคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ของจีนมาแล้วในเดือนกันยายนที่ผ่านมา และขอให้ปักกิ่งอย่าเพิ่งบังคับใช้มันจนกว่าจัดการความเสี่ยงที่มันอาจจะรบกวน ขัดขวาง หรือหยุดยั้งการส่งผ่านข้อมูลข้ามพรมแดน
ถ้อยแถลงในวันนี้ (23) ระบุว่า ความกังวลในหมู่ประชาคมธุรกิจต่างชาติยังคงมีสูง และยังมีทางอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในการบรรลุวัตถุประสงค์ทางนโยบายโดยไม่รบกวนการค้า
ถ้อยแถลงของสหรัฐฯ ระบุว่า จีนไม่ได้ให้คำยืนยันใดๆ ว่า พวกเขาจะคลายความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์