เอเจนซีส์ - “ทรัมป์” ลงนามบันทึกสั่งกระทรวงยุติธรรมร่างกฎหมายห้ามอุปกรณ์เสริมที่ทำให้ปืนกึ่งอัตโนมัติยิงรัวได้แบบปืนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยทำเนียบขาวยังระบุว่าประธานาธิบดีอาจพิจารณามาตรการอื่นๆ เพื่อจำกัดการครอบครองอาวุธปืน ทั้งนี้หลังเหตุกราดยิงในโรงเรียนที่ฟลอริดา กำลังกระตุ้นกระแสเรียกร้องดังกระหึ่มอีกครั้งให้อเมริกาควบคุมการเข้าถึงอาวุธอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น โดยเหล่าคนดังจำนวนมาก อาทิ จอร์จ คลูนีย์ และโอปราห์ วินฟรีย์ ร่วมบริจาคสมทบทุนการรณรงค์นี้ และประกาศร่วมเดินขบวนกับนักเรียนที่รอดชีวิตจากเหตุร้ายล่าสุด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงในวันอังคาร (20 ก.พ.) ว่า ได้ลงนามบันทึกสั่งการให้รัฐมนตรียุติธรรมเสนอร่างกฎระเบียบห้ามอุปกรณ์ทุกชนิดที่เปลี่ยนอาวุธที่ถูกต้องตามกฎหมายให้กลายเป็นปืนอัตโนมัติที่ยิงรัวได้
หากทรัมป์ดำเนินการเรื่องนี้โดยออกเป็นคำสั่งฝ่ายบริหาร ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งร่างกฎหมายห้าม “bump stocks” หรือพานท้ายดัดแปลงที่ทำให้ปืนไรเฟิลกลายเป็นปืนกล ยังคงค้างเติ่งมาตั้งแต่เหตุสังหารหมู่ในลาสเวกัสที่มีคนตาย 58 คนเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
แต่ความเคลื่อนไหวลักษณะนี้อาจทำให้ทรัมป์ผิดใจกับกลุ่มส่งเสริมสิทธิในการพกพาอาวุธปืนทรงอิทธิพลอย่างสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ ที่ก่อนหน้านี้คัดค้านความพยายามในการแบนพานท้ายดัดแปลง รวมทั้งผู้ที่ไม่เห็นด้วยยังคงมีช่องทางไปฟ้องศาลว่าคำสั่งเช่นนี้ขัดรัฐธรรมนูญ
การประกาศคราวนี้ของทรัมป์มีขึ้นไม่นานหลังจากที่ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีอาจพิจารณาสนับสนุนมาตรการอื่นๆ เป็นต้นว่า เพิ่มเกณฑ์อายุต่ำสุดที่สามารถซื้อปืนไรเฟิล ซึ่งเป็นอาวุธที่นิโคลัส ครูซ วัย 19 ปี ซื้อหามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายและใช้กราดยิงโรงเรียนมัธยมในปาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว และทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน
วันจันทร์ที่ผ่านมา (19) ทำเนียบขาวยังระบุว่า ทรัมป์สนับสนุนร่างกฎหมายเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบประวัติการก่ออาชญากรรมของผู้ที่ต้องการซื้อปืน
แม้มาตรการทั้งหมดที่กล่าวมานี้ยังห่างไกลจากข้อเรียกร้องของกลุ่มที่ต้องการให้ควบคุมอาวุธปืน แต่ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจุดยืนสำหรับทรัมป์ที่พยายามขอการสนับสนุนจากกลุ่มส่งเสริมสิทธิการครอบครองปืนระหว่างการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2016 และผ่อนคลายกฎระเบียบการควบคุมอาวุธปืนนับจากเข้ารับตำแหน่ง
ทรัมป์ยังยืนยันว่า ความปลอดภัยในโรงเรียนเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับต้นๆ ของคณะบริหารของตน โดยจะมีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ร่วมกับนักเรียน ผู้นำท้องถิ่น สมาชิกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และผู้ว่าการจาก 50 รัฐต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์หน้า เพื่อพัฒนามาตรการที่เป็นรูปธรรมในการปกป้องโรงเรียน นักเรียน และชุมชน
อย่างไรก็ตาม แม้เหตุสังหารหมู่ในฟลอริดาผ่านมาไม่ทันถึงหนึ่งสัปดาห์ ทว่า สภาผู้แทนราษฎรประจำรัฐดังกล่าวยังคงต้านทานกระแสเรียกร้อง ด้วยการลงมติในวันอังคาร (20) ขัดขวางการห้ามปืนยาวจู่โจมและปืนที่สามารถบรรจุกระสุนมากกว่าปกติ
ขณะเดียวกัน นักเรียนราว 100 คนที่รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงล่าสุดเตรียมจัดชุมนุมเพื่อรณรงค์การควบคุมอาวุธปืน รวมทั้งพูดคุยกับสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับเรื่องนี้และความปลอดภัยในโรงเรียนในวันพุธ (21) ที่เมืองทัลลาฮัสซี เมืองหลวงของรัฐฟลอริดา
นักเรียนเหล่านี้ยังมีแผนจัดการชุมนุม “มาร์ช ฟอร์ อาวร์ ไลฟ์ส” ในกรุงวอชิงตันวันที่ 24 เดือนหน้า ซึ่งขณะนี้ โครงการนี้ได้รับเงินบริจาคแล้วอย่างน้อย 2 ล้านดอลลาร์จากเหล่าคนดังในฮอลลีวูด ได้แก่ จอร์จ คลูนีย์ นักแสดงแถวหน้า และอามัล ภรรยาของเขาที่เป็นนักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชน, โอปราห์ วินฟรีห์ โปรดิวเซอร์รายการทีวีชื่อดัง, สตีเวน สปีลเบิร์ก พ่อมดฮอลลีวูด และเคต แคปชอว์ ภรรยาของเขาที่เป็นนักแสดง ตลอดจนโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก และ มาริลีน ผู้เป็นภรรยา โดยบุคคลเหล่านี้สนับสนุนเงินรายละ 500,000 ดอลลาร์
นอกจากนั้น คลูนีย์และภรรยา รวมทั้งวินฟรีห์ ยังประกาศว่า จะไปร่วมชุมนุมกับเด็กกลุ่มนี้ในช่วงปลายเดือนหน้าด้วย
อนึ่ง ผลการสำรวจที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยควินนิเพียกและเผยแพร่ออกมาเมื่อวันอังคารพบว่า ชาวอเมริกัน 66% สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดขึ้น ขณะที่ 31 % ไม่เห็นด้วย ซึ่งถือเป็นคะแนนหนุนคุมอาวุธสูงสุดนับจากเริ่มทำการสำรวจเรื่องนี้ในปี 2008