เอเอฟพี - ศาลเปรูมีคำสั่งวานนี้ (19 ก.พ.) ให้อดีตผู้นำเผด็จการ อัลเบร์โต ฟูจิโมริ ต้องเข้ารับการไต่สวนใหม่อีกครั้งในคดีสังหารเกษตรกร 6 รายเมื่อปี 1992 โดยชี้ว่าคำสั่งอภัยโทษในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ได้ให้ความคุ้มครองแก่เขาในกรณีนี้
ศาลอาญาแห่งชาติเปรูแถลงว่า การที่รัฐบาลประกาศอภัยโทษให้แก่ ฟูจิโมริ ในความผิดฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งทำให้เขาต้องโทษจำคุก 25 ปีนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมเหยื่อทั้ง 6
อัยการได้ร้องขอให้ศาลนำตัวอดีตประธานาธิบดีวัย 79 ปี และจำเลยอีก 23 คนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในข้อหาบงการส่งหน่วยล่าสังหารออกไปปลิดชีพคนกลุ่มนี้
ประธานาธิบดี เปโดร ปาโบล คักซินสกี แห่งเปรูเพิ่งมีคำสั่งอภัยโทษให้ ฟูจิโมริ ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. โดยอ้างเหตุผลด้านมนุษยธรรม เนื่องจากอดีตผู้นำรายนี้สุขภาพย่ำแย่
อดีตผู้นำรายนี้ถูกศาลตัดสินจำคุก 25 ปีด้วยข้อหาอาชญากรรมหลายกระทง รวมถึงการตั้งหน่วยล่าสังหารตามฆ่าพลเรือนที่สนับสนุนกลุ่มติดอาวุธเหมาอิสต์ และลักพาตัวสื่อมวลชนในช่วงระหว่างปี 1990-2000 อีกทั้งยังมีพฤติกรรมยักยอกเงินแผ่นดินและรับสินบน
ชาวเปรูที่ไม่เห็นด้วยได้นัดชุมนุมประท้วงเพื่อคัดค้านการอภัยโทษให้แก่อดีตผู้นำขี้ฉ้อรายนี้ ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศก็วิจารณ์คำสั่งดังกล่าวว่าสะท้อนวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิด (impunity) ของพวกคนใหญ่คนโต
หลายฝ่ายเชื่อว่าคำสั่งอภัยโทษเป็นข้อตกลงทางการเมืองระหว่าง คักซินสกี กับ เคนจิ ฟูจิโมริ บุตรชายของอดีตประธานาธิบดี ซึ่งยอมทรยศพรรคตัวเองด้วยการงดออกเสียงระหว่างที่รัฐสภาลงมติถอดถอน คักซินสกี ด้วยข้อหาทุจริต ซึ่งช่วยให้ผู้นำเปรูรั้งเก้าอี้ไว้ได้อย่างหวุดหวิดเมื่อปีที่แล้ว
มิเกล เปเรซ ทนายของฟูจิโมริ ระบุว่า ตนยังไม่แน่ใจว่าประเด็นเรื่องความคุ้มครองทางกฎหมายจะถูกนำมาพูดถึงอีกได้หรือไม่ พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาได้พยายามเรียกร้องให้ศาลไต่สวนอดีตประธานาธิบดีในฐานะพยาน แต่ไม่สำเร็จ
“ดังนั้น ในการไต่สวนคราวนี้ท่านก็จะถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา” เปเรซ กล่าว
อัยการเสนอให้ศาลพิพากษาจำคุก ฟูจิโมริ เป็นเวลา 25 ปี
เคอิโกะ ฟูจิโมริ บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีและหัวหน้าพรรค Fuerza Popular ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดในรัฐสภาเปรู ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่บิดาต้องขึ้นโรงขึ้นศาลอีก แต่ก็หวังว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดจะไม่ทำให้บิดาต้องถูกส่งเข้าเรือนจำอีกครั้ง ทั้งที่อายุมากและล้มป่วยหลายโรค
“อัลเบร์โต ฟูจิโมริ สมควรได้รับอิสรภาพระหว่างต่อสู้คดี” เคอิโกะ โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์
ประธานาธิบดี คักซินสกี เคยยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่อภัยโทษให้ฟูจิโมริ โดยเด็ดขาด แต่เพียงไม่กี่วันหลังจาก เคนจิ ฟูจิโมริ ช่วยให้เขารอดจากการถูกถอดถอน ผู้นำเปรูก็สั่งคืนอิสรภาพให้แก่ ฟูจิโมริ ผู้พ่อทันที
กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนและครอบครัวผู้สูญเสียได้รวมตัวยื่นฟ้องต่อศาลสิทธิมนุษยชนแห่งทวีปอเมริกา (Inter-American Court of Human Rights) เมื่อวันที่ 2 ก.พ. เพื่อขอให้คัดค้านการอภัยโทษแก่ ฟูจิโมริ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น 2 คนระบุว่า คำสั่งอภัยโทษถือเป็นการ “ตบหน้า” ผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อระบอบการปกครองอันป่าเถื่อนของเขา
“คำสั่งอภัยโทษของประธานาธิบดีต่อ อัลเบร์โต ฟูจิโมริ ด้วยแรงจูงใจทางการเมืองนั้น ถือเป็นการกัดเซาะระบบตุลาการของเปรู และความพยายามของประชาคมโลกที่จะธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม” อาแญส คัลลามาร์ด และ ปาโบล เดอ กรีฟฟ์ ผู้เสนอรายงานพิเศษของยูเอ็น ระบุในถ้อยแถลงเมื่อเดือน ธ.ค.