เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - เงินบิทคอยน์ทำสถิติพุ่งสูงรอบใหม่ สามารถไต่ระดับกลับมาได้ที่ 11,000 ดอลลาร์สำเร็จในวันจันทร์(19 ก.พ) เพิ่มเกือบ 2 เท่าของมูลค่าเดิมที่ต่ำ 6,000 ดอลลาร์เมื่อต้นเดือนนี้ เกิดหลังนักค้าปริศนารายหนึ่งได้ใช้เงินร่วม 344 ล้านดอลลาร์ช้อนซื้อไว้ก่อนหน้า ด้านองค์การกำกับดูแลตลาดการเงินสวิตเซอร์แลนด์ FINMA สวนกระแสทั่วโลก เล็งออกแนวทางกำกับการเสนอออกเหรียญระดมทุนที่เรียกว่า “ICOs”
RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้(19 ก.พ)ว่า ในวันอาทิตย์(18) มูลค่าสกุลเงินบิทคอยน์ไปอยู่ที่ 11,328 ดอลลาร์ เกิดขึ้นหลังมีข่าวว่า มีนักลงทุนที่ไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่ง ได้ใช้เงินจำนวน 344 ล้านดอลลาร์ทุ่มซื้อบิทคอยน์ในช่วงระหว่างวันที่ 9 ก.พ -12 ก.พที่ผ่านมา
ซึ่งการทุ่มช้อนซื้อล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากการหล่นค่าของบิทคอยน์ที่เกิดมาจากการเทขายออกจำนวนมาก และได้ลบมูลค่าตลาดสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 50% ท่ามกลางความคาดการณ์ถึงความกังวลและการเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับของบรรดาผู้กำกับตลาดทั่วโลก
สื่อรัสเซียชี้ว่า เงินบิทคอยน์หลุดจากระดับ 20,000 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ไปอยู่ที่ 6,000 ดอลลาร์ในวันที่ 4เดือนนี้ และหลังจากที่มีข่าวการทุ่มซื้อปริศนา พบว่ามีนักลงทุนรายอื่นต่างทุ่มเงินเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์สกุลเงินดิจิทัล
“ไม่แน่ใจว่าผู้ซื้อรายใหญ่ที่ว่าเป็นใครที่เข้าช้อนซื้อในตอนหล่นลงและเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่การรีบาวด์กลับขึ้นมา เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ผู้กำกับตลาดในเอเชียและสหรัฐฯเพิ่มความเข้มงวด” อเล็กซ์ ซันนาร์บอร์ก(Alex Sunnarborg) ผู้ก่อตั้งร่วมบริษัทเตตราส แคปิตอล ( Tetras Capital )กล่าว สื่อมาร์เกตวอชรายงาน
RT รายงานสถานการณ์ความคืบหน้าการซื้อขายว่า มากกว่า 80% ของสกุลเงินดิจิทัลต่างๆจาก Coinmarketcap’s 100 list นั้นถูกพบว่า มีการซื้อขายสูงขึ้นในวันจันทร์(19) แต่ทว่า วิทาลิค บิวเทริน(Vitalik Buterin) ผู้สร้างเงินอีเธอเรียม (Ethereum) ซึ่งในเวลานี้เป็นรองแค่บิทคอยน์ และเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มออกเหรียญระดมทุน ICOsที่ใหญ่ที่สุดออกมาเตือนว่า
ในเวลานี้สกุลเงินดิจิทัลยังเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงมีความเสี่ยงสูง เพราะเป็นของใหม่ และมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ส่งผลทำให้ค่าเงินอาจตกเกือบศูนย์เมื่อใดก็ได้ และไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้เป็นแหล่งลงทุนสำหรับเงินเก็บเพื่อการเกษียณในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สื่อรัสเซียชี้ว่า ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลก เป็นต้นว่า เกาหลีใต้ ได้ออกมาตรการกวาดล้างบิทคอยน์ ห้ามการออก ICOs แต่ทางองค์การกำกับดูแลตลาดการเงินสวิตเซอร์แลนด์ FINMA เมื่อไม่นานมานี้ เหมือนชี้ช่องด้วยแนวคิด “การเสนอแนวทางกำกับการออกเสนอเหรียญระดมทุนที่เรียกว่า “ICOs” (Initial Coin Offerings)”
ซึ่งวิธีการ ICOs นี้เป็นเสมือนรูปแบบหนึ่งของการระดมทุน อ้างอิงจากสื่อธุรกิจภาคภาษาไทย brandinside.asia
RT ชี้ว่า อ้างอิงจาก FINMA พบว่าสวิตเซอร์แลนด์ได้เห็นถึงการเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็วของแผนที่เตรียมการเสนอขาย ICOs ภายในประเทศ และรวมไปถึงการร้องขอจำนวนมากต่อข้อกำกับสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency regulation) และผู้กำกับตลาดเงินสวิตเซอร์แลนด์ต้องการให้เกิดการตื่นตัวขึ้นในตลาด ICOs และเทคโนโลยีบล็อกเชน(Blockchain Technology) ดังนั้นทางFINMA จึงประกาศแสดงความชัดเจนต่อมาตรการต่อต้านขบวนการฟอกเงิน และข้อกำกับที่จะสามารถใช้กับสกุลเงินเสมือนจริง
ซึ่งทางbrandinside.asia ได้อธิบายถึงเทคโนโลยีบล็อกเชนว่า “บล็อกเชน” เปรียบเสมือนเครือข่ายการเก็บข้อมูลแบบหนึ่ง ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและได้รับข้อมูลเดียวกัน เราจึงรู้ว่าใครมีสิทธิและเป็นเจ้าของข้อมูลเหล่านี้จริงๆ และสามารถตามค้นหาต้นทางได้
โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บอยู่ในแต่ละบล็อก (Block) ที่เชื่อมโยงกันบนเครือข่ายเหมือนกับห่วงโซ่ (Chain) นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้เราเรียกรูปแบบการเก็บและแชร์ข้อมูลแบบนี้ว่า บล็อกเชน (Blockchain)
นอกจากนี้ เมื่อธุรกรรมต่างๆ ถูกบันทึกลงในบล็อกเหล่านี้แล้ว เราจะไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ ได้ เพราะทุกคนต่างก็มีสำเนาหรือประวัติการทำธุรกรรมทั้งหมดอยู่กับตัว จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ที่ใครจะมาปลอมแปลงข้อมูล โดยปราศจากการรับรู้จากผู้คนส่วนใหญ่
และเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงข้อมูลของพวกเราแต่ละคนเข้าด้วยกัน ก็คือ เทคโนโลยีใช้รูปแบบบล็อกเชน (Blockchain Technology) ซึ่งมีสิ่งที่เราให้ใช้เป็น “โทเคน” (Token) เพื่อส่งต่อกันไปมาในระบบนี้อย่างเช่น “การซื้อบัตรส่วนลด” ก็คือเงินบิทคอยน์ เป็นต้น
และเมื่อมองในมุมของการเงิน ผู้คนสามารถโอนบิทคอยน์เพื่อดำเนินธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เช่นการโอนหรือรับเงินได้ โดยไม่ต้องไปติดต่อตัวกลาง หรือบุคคลที่สามให้วุ่นวาย เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต ทำให้ค่าใช้จ่ายและบริการต่างๆ นั้นถูกลง แต่ข้อมูลที่ได้นั้นมีความน่าเชื่อถือและแม่นยำมากยิ่งขึ้นด้วย brandinside.asia ชี้
สื่อรัสเซียรายงานต่อว่า ด้านมาร์ค แบรนสัน(Mark Branson) ผู้อำนวยองค์การ FINMA กล่าวถึงเรื่องนี้ โดยชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีบล็อกเชน( Blockchain Technology :ซึ่งเป็นหัวใจของสกุลเงินดิจิทัล(cryptocurrency regulation)) แต่ชี้ว่า “โปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับBlockchain Technology จะออกมาเพื่อป้องกันการกระทำใดๆที่จะมีขึ้นละเมิดกรอบของข้อกำกับ”
แบรนสันย้ำว่า ทางสวิตเซอร์แลนด์จะใช้การจัดการแบบผสมผสานเพื่อที่ทำให้การออก ICOs ของผู้เสนอที่ได้รับอนุญาต นั้นสอดคล้องไปกับกฎหมายสวิสที่คุ้มครองทั้งนักลงทุนและปกป้องความเที่ยงตรงของระบบการเงินสวิตเซอร์แลนด์
ซึ่งในรายงานของสื่อ brandinside.asia ได้ชี้ข้อต่างระหว่าง IPO และ ICO โดยได้อ้างไปถึงความเห็นของ บาลาจี เอส. ศรีนีวาซาน(Balaji S. Srinivasan) พาร์ทเนอร์ของบริษัทลงทุนชื่อดัง แอนเดรสเซน โฮโรวิตซ์(Andressen Horowitz)ที่ได้อธิบายผ่านบล็อกของเขา
ซึ่งได้เปรียบเทียบ การขายเหรียญ ICOs ว่าเหมือนกับการซื้อสิทธิการใช้งาน API ของแอพทั่วไป หรือจะมองว่ามันเหมือนกับการระดมทุนเพื่อทำโครงการบน Kickstarter ก็ได้ (เพียงแต่ผู้ลงเงินไม่ได้ของกลับมาเหมือน Kickstarter แต่ได้เหรียญกลับมาแทน)
คุณสมบัติอีกประการหนึ่งที่น่าสนใจคือ การระดมทุนซื้อเหรียญ( Token )ต่างไปจากการซื้อหุ้นตรงที่ไม่สามารถลดสัดส่วนหุ้น (dilute) ลงได้ เพราะผู้ซื้อทราบเงื่อนไขการออกเหรียญมาตั้งแต่แรกว่าจะมีจำนวนเท่าไร เปรียบได้กับการซื้อของไปล่วงหน้ามากกว่า
บาลาจี มองว่าวิธีการขายเหรียญแบบ ICOs จะกลายเป็นวิธีการระดมทุนแบบใหม่ที่ได้รับความนิยม และช่วยเปิดตลาดใหม่ๆ ของการระดมทุนที่ไม่สามารถทำได้ด้วยเครื่องมือในปัจจุบัน