เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ทีมงานกู้ภัยของอิหร่าน เริ่มปฏิบัติงานกันอีกครั้งในวันจันทร์ (19 ก.พ.) เพื่อค้นหาเครื่องบินโดยสารซึ่งสูญหายไปในเทือกเขาซากรอสตั้งแต่วันอาทิตย์ (18) พร้อมด้วยผู้โดยสารและลูกเรือรวม 66 ชีวิต ทั้งนี้ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น
สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของอิหร่านบอกว่า อากาศในวันจันทร์ (19) ดีขึ้นมาก ภายหลังเกิดพายุหิมะซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางการค้นหาเมื่อวันอาทิตย์ (18) และตอนนี้เฮลิคอปเตอร์หลายลำก็สามารถเข้าร่วมในการติดตามหาเที่ยวบิน EP3704 ของสายการบินอาเซมาน แอร์ไลน์ส ได้แล้ว
พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบได้สั่งยุติการปฏิบัติการค้นหาในคืนวันอาทิตย์ เนื่องจากมีทั้งหิมะและฝนตกอย่างหนัก นอกเหนือจากความมืดมิดของเวลากลางคืน จนทำให้ไม่สามารถทำงานได้
เครื่องบินใบพัด 2 เครื่องยนต์แบบ ATR-72 ซึ่งใช้งานกันมา 25 ปีแล้วลำนี้ ได้บินขึ้นจากท่าอากาศยานเมห์ราบัด ของเมืองหลวงเตหะรานเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.วันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น (ราว 11.30 น.เวลาเมืองไทย) และกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองยาซุฟ ซึ่งอยู่ทางใต้ลงไปประมาณ 500 กิโลเมตร แต่หลังจากบินไปได้ราว 45 นาที เครื่องบินก็หายลับไปจากจอเรดาร์
เป็นที่เข้าใจกันว่าเครื่องบินลำนี้ได้ตกลงในบริเวณภูเขาเดนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาซากรอส ที่อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่าน แต่มีเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งบอกว่ามันอาจจะตกที่ยอดเขาแห่งใดแห่งหนึ่งซึ่งมีจำนวนมากถึงราว 100 ยอดภายในพื้นที่ค้นหา ซึ่งยังคงมีขนาดกว้างขวางและอยู่ห่างไกลเข้าถึงลำบาก
“ทัศนวิสัยในบริเวณที่กำหนดให้ค้นหา ยังไม่สู้จะดีนักและยังคงมีความแปรปรวน ดังนั้นจึงต้องคำนึงถึงสภาพความปลอดภัยต่างๆ เหล่านี้ด้วย” มอร์เตซา เดห์ขาน แห่งองค์การการบินพลเรือนกล่าวกับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ
“แต่ถึงแม้ต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขต่างๆ ทั้งหมดเหล่านี้ ทั้งทีมงานภาคพื้นดินและทางอากาศก็มีความกระตือรือร้น และเมื่ออยู่ในสภาพอำนวย ก็จะมีการใช้โดรนออกช่วยค้นหาเช่นเดียวกัน”
สถานีทีวีแห่งชาติของอิหร่านรายงานด้วยว่า มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ชำนาญการไต่เขาราว 100 คนได้ถูกส่งออกไปปฏิบัติงานในวันจันทร์
เมื่อวันอาทิตย์ โมฮัมหมัด ตาบาตาไบ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสายการบินอาเซมาน แอร์ไลน์ส ได้แถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐว่า โชคร้ายที่เครื่องบินลำนี้ตกลงโหม่งภูเขา และผู้โดยสารพร้อมลูกเรือทั้ง 66 คนเสียชีวิตทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาทางสายการบินได้ประกาศถอนคำแถลงนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ายังเป็นการด่วนสรุปเกินไป
ทั้งนี้ ในวันอาทิตย์ยังไม่มีทีมกู้ภัยทีมใดพบซากเครื่องบินตก โดยเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งซึ่งถูกส่งออกไปค้นหาตั้งแต่แรก ต้องบินกลับและรายงานว่ามีหมอกหนาเข้าไปพื้นที่แถวนั้นไม่ได้ ขณะที่องค์การเสี้ยวเดือนแดงแถลงว่า ได้ส่งทีมช่วยเหลือ 45 ทีมไปที่ภูเขาเดนา แต่ยังไม่พบร่องรอยใดๆ ของซากเครื่องบิน
“สภาพพื้นที่ภูเขาแถบนั้นไม่สามารถปีนข้ามเข้าไปได้ ขณะที่หมอกหนาและหิมะพร้อมกับฝนก็ทำให้ไม่สามารถใช้เฮลิคอปเตอร์ได้” มอร์เตซา ซาลิมี หัวหน้าส่วนกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ขององค์การเสี้ยวเดือนแดงกล่าว
ทางด้าน บีอีเอ สำนักงานความปลอดภัยทางอากาศของฝรั่งเศสแถลงว่า จะเข้าร่วมในการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินคราวนี้ โดยการสอบสวนนำโดย สาขาการสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ (Air Accidents Investigation Branch) ของอังกฤษ
“เจ้าหน้าที่สอบสวนและที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิคของเรารวม 3 คน จะเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ” โฆษกของบีอีเอ บอกกับเอเอฟพี
ครอบครัวของผู้โดยสาร
เมื่อวันอาทิตย์ มีครอบครัวญาติมิตรของผู้โดยสารหลายรายไปชุมนุมกันอยู่ที่มัสยิดแห่งหนึ่งใกล้ๆ ท่าอากาศเมห์ราบัด ในกรุงเตหะราน
“ฉันยังทำใจตัวเองให้เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เลย” สตรีผู้หนึ่งซึ่งสามีอยู่ในเที่ยวบินนี้ด้วยกล่าว
ขณะที่ชายคนหนึ่งซึ่งพลาดขึ้นเที่ยวบินนี้ไม่ทัน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า อารมณ์ความรู้สึกของเขาขัดแย้งกันไปหมด
“พระเจ้าเมตตากรุณาผมมาก แต่ผมก็รู้สึกโศกเศร้าจากส่วนลึกของหัวใจสำหรับบุคคลผู้เป็นที่รักเหล่านี้ทุกๆ คนซึ่งต้องสูญเสียชีวิตของพวกเขาไป” ชายที่ไม่มีการระบุชื่อผู้นี้บอกกับเว็บไซต์ข่าว “ตับนัค” ซึ่งได้โชว์ภาพตั๋วเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้ของเขาด้วย
ยังมีนักวิทยาแผ่นดินไหวชาวกรีกผู้หนึ่งซึ่งมีกำหนดจะขึ้นเที่ยวบินนี้ด้วย แต่พลาดไปหลังเจอรถติดหนักจนไปไม่ทัน ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าว เอเอ็นเอ ของกรีซ
“ผมวางแผนเอาไว้ที่จะเดินทางไปยาซุฟด้วยเที่ยวบินนี้ หรือไม่ก็เที่ยวบินหน้าถ้าผมไปไม่ทัน แต่เนื่องจากการจราจรติดขัดมากในเตหะราน ท้ายที่สุดแล้วผมก็เลยไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน” เอเอ็นเอ รายงานคำพูดของ อาคิส ทเซเลนทิส นักวิทยาการแผ่นดินไหวผู้นี้