เอเอฟพี/บีบีซีนิวส์/เอเจนซีส์ – เครื่องบินโดยสารของอิหร่านในเที่ยวบินภายในประเทศ ตกลงโหม่งภูเขาบริเวณเทือกเขาซากรอส ทางตอนกลางของอิหร่านวันนี้ (18 ก.พ.) ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 66 คนเสียชีวิตยกลำ
เที่ยวบินดังกล่าวของสายการบิน อาเซมาน แอร์ไลนส์ (Aseman Airlines) ได้ทะยานขึ้นจากท่าอากาศยานเมห์ราบัด ของกรุงเตหะราน เมื่อเวลาประมาณ 8.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 11.30 น.เวลาเมืองไทย) เพื่อไปยังเมืองยาซุฟ ในจังหวัดอิสฟาฮาน ทั้งนี้ตามคำแถลงของ โมฮัมหมัด ตาบาตาไบ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสายการบินแห่งนี้
แต่แล้วเครื่องบินได้ตกลงไปในภูเขาเดนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาซากรอส ในบริเวณห่างจากเมืองยาซุฟราว 23 กิโลเมตร และห่างจากเมืองหลวงเตหะรานไปทางใต้ประมาณ 500 กิโลเมตร เขากล่าวกับสถานีโทรทัศน์ ไออาร์ไอบี ของรัฐบาล
“หลังจากการค้นหาในบริเวณดังกล่าว โชคร้ายที่เราได้รับแจ้งว่าเครื่องบินได้ตกลงโหม่งพื้น โชคร้ายที่ผู้เป็นที่รักของพวกเราทั้งหมดได้สูญเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้” ตาบาตาไบ บอก
เขาระบุว่า เครื่องบินลำนี้กำลังบรรทุกผู้โดยสารจำนวน 60 คน โดย 1 ในนั้นเป็นเด็ก แล้วยังมีลูกเรืออีก 6 คน
ทางด้านสำนักงานเหตุฉุกเฉินแห่งชาติของอิหร่าน ได้จัดส่งเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำไปยังสถานที่เกิดอุบัติเหตุคราวนี้ แต่ไม่สามารถร่อนลงจอดได้ เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย มีหมอกลงจัด โฆษกของหน่วยงานนี้แถลง
ขณะที่องค์การบรรเทาทุกข์และกู้ภัยของสำนักงานเสี้ยวเดือนแดงของอิหร่าน บอกว่าได้จัดส่งทีมช่วยเหลือ 12 ทีม เดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวแล้ว
ส่วน มอจตอบา คอเลดี ซึ่งทำหน้าที่เป็นโฆษกให้กับสำนักงานเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ บอกกับสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอ ว่า เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุเป็นเขตเขา จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งพวกรถพยาบาลเข้าไป
จากการที่อิหร่านถูกนานาชาติใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรมาเป็นเวลาหลายสิบปี ทำให้ประเทศนี้มีแต่ฝูงเครื่องบินโดยสารเก่าๆ ใช้งานมายาวนาน และอิหร่านต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อหาทางซ่อมบำรุงและปรับปรุงยกระดับให้ทันสมัยมากขึ้น
เท่าที่ผ่านมา อิหร่านประสบความหายนะทางด้านการบินมาแล้วหลายครั้ง คราวล่าสุดคือในปี 2014 เมื่อเครื่องบินของสายการบินเซปาฮานตก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 39 คน
ตาบาตาไบ แห่งสายการบิน อาเซมาน แอร์ไลนส์ ระบุว่า เครื่องบินลำที่ตกในวันนี้ (18 ก.พ.) เป็นเครื่องบินแบบ เอทีอาร์-72 ซึ่งเป็นเครื่องบินใบพัด 2 เครื่องยนต์
อาเซมาน แอร์ไลนส์ เวลานี้มีเครื่องบินทั้งหมด 36 ลำ ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเครื่องบินฟอกเกอร์ 100 ชนิด 105 ที่นั่ง ผลิตในเนเธอร์แลนด์ สายการบินนี้ยังมี โบอิ้ง 727-100 อีก 3 ลำ ซึ่งอายุมากเกือบเท่าๆ กับการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน โดยที่ออกบินเที่ยวแรกในปี 1980
การยกเลิกมาตรการแซงก์ชั่นในเรื่องการซื้อเครื่องบินและอะไหล่ชิ้นส่วน ถือเป็นมาตราสำคัญมาตราหนึ่งในข้อตกลงเรื่องระงับโครงการนิวเคลียร์ซึ่งอิหร่านลงนามกับพวกมหาอำนาจของโลกเมื่อปี 2015
หลังจากจัดทำข้อตกลงฉบับดังกล่าวแล้ว อาเซมาน แอร์ไลนส์ ก็ได้ทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 เอ็มเอเอ็กซ์ จำนวน 30 ลำ ด้วยมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว และยังมีออปชั่นที่จะซื้อเพิ่มเติมได้อีก 30 ลำ
อย่างไรก็ดี การซื้อขายนี้อาจจะถูกยกเลิกไป ถ้าหากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เลือกที่จะนำเอามาตรการแซงก์ชั่นกลับมาใช้ใหม่ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนต่อจากนี้ ตามที่เขาข่มขู่เอาไว้
เวลานี้วอชิงตันยังคงบังคับใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรต่ออิหร่านของสหรัฐฯเองเอาไว้ ซึ่งสกัดกั้นการค้าแทบทุกอย่างระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน ทว่าบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินได้รับการยกเว้นพิเศษภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน
โบอิ้ง ซึ่งยังกำลังสร้างเครื่องบิน 80 ลำตามคำสั่งซื้อของ อิหร่าน แอร์ สายการบินแห่งชาติของอิหร่านอยู่ด้วย ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพวกสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯที่กล่าวอ้างว่า พวกสายการบินของอิหร่านใช้เครื่องบินไปในการขนส่งอาวุธและกำลังทหารสู่ซีเรียตลอดจนพื้นที่สู้รบขัดแย้งแห่งอื่นๆ
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังสหรัฐฯได้อนุมัติการขายเครื่องบินโบอิ้งจำนวน 80 ลำ ตลอดจนเครื่องบินแอร์บัสจำนวน 100 ลำให้แก่อิหร่าน แอร์ โดยในกรณีของแอร์บัสนั้น ได้จัดส่งเครื่องบิน 2-3 ลำแรกๆ ไปถึงเตหะรานแล้ว