เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เดินทางไปยังโรงพยาบาลในรัฐฟลอริดาเพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจเหยื่อเหตุกราดยิงโรงเรียนมัธยมเมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ขณะที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ออกมาแถลงยอมรับว่า "ทำงานบกพร่อง" หลังได้รับแจ้งล่วงหน้าถึงพฤติกรรมอันตรายของวัยรุ่นที่ก่อเหตุยิง 17 ศพ แต่ไม่ได้ดำเนินการสืบสวนเพื่อป้องกันเหตุ
การเยือนของผู้นำสหรัฐฯ และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เมลาเนีย ทรัมป์ มีขึ้นหลังจากที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุกราดยิงโรงเรียน มาร์จอรี สโคนแมน ดักลาส ในเมืองพารค์แลนด์ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. เพิ่งได้ทราบข้อมูลว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้
เอฟบีไอออกมายอมรับว่า เคยมีผู้แจ้งเตือนตั้งแต่เดือน ม.ค. ว่า นิโคลัส ครูซ วัย 19 ปี อาจกำลังวางแผนสังหารหมู่ ทว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้
ทรัมป์ และภริยาได้พบกับเหยื่อผู้รอดชีวิตที่โรงพยาบาลโบรเวิร์ดเฮลธ์นอร์ท และกล่าวขอบคุณแพทย์ พยาบาล ตลอดจนหน่วยกู้ภัยที่ตอบสนองเหตุการณ์เป็นกลุ่มแรกๆ ว่าปฏิบัติหน้าที่ได้อย่าง “ดีเยี่ยมเหลือเชื่อ” พร้อมย้ำว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “น่าเสียใจอย่างยิ่ง”
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า ทรัมป์ และ เมลาเนีย จะเดินทางไปยังสำนักงานผู้ปกครองเทศมณฑลโบรเวิร์ด “เพื่อพบปะกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายซึ่งทำงานอย่างกล้าหาญจนช่วยชีวิตคนเอาไว้ได้มากมาย”
พ่อแม่ผู้ปกครองและนักเรียนในเมืองพาร์คแลนด์ซึ่งอยู่ห่างจากไมอามีไปทางเหนือราว 80 กิโลเมตรต่างแสดงความโกรธเกรี้ยวที่ภาครัฐไม่กระตือรือร้นที่จะออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืน
ลอรี อัลฮาเดฟฟ์ คุณแม่ซึ่งสูญเสียลูกสาว เอลิสซา วัย 14 ปี ออกมากล่าวผ่านซีเอ็นเอ็นทั้งน้ำตาว่า “เราต้องทำอะไรสักอย่าง! ต้องทำ! ต้องทำ!” พร้อมฝากคำวิงวอนถึง ทรัมป์ ซึ่งก็มีลูกชายวัย 11 ปี
“คุณต้องปกป้อง แบร์รอน (บุตรชายทรัมป์) และปกป้องเด็กๆ ทุกคนในพาร์คแลนด์ ในฟลอริดา และทุกๆ คนในที่อื่นๆ ด้วย” เธอกล่าว
ในวันเดียวกันนั้น เอฟบีไอได้แถลงยอมรับว่า มีบุคคลใกล้ชิด นิโคลัส ครูซ โทรศัพท์แจ้งเมื่อวันที่ 5 ม.ค. “เพื่อรายงานพฤติกรรมที่น่ากังวลเกี่ยวกับตัวเขา”
“ผู้ที่โทรศัพท์มาได้ให้ข้อมูลว่า ครูซ มีปืนในครอบครอง ต้องการฆ่าคน มีพฤติกรรมไม่อยู่กับร่องกับรอย และโพสต์ข้อความรุนแรงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะก่อเหตุกราดยิงโรงเรียน”
เอฟบีไอยอมรับว่า ข้อมูลนี้ “สมควรถูกประเมินว่าเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตประชาชน และต้องถูกส่งต่อให้แก่สำนักงานเอฟบีไอในไมอามี” ทว่าเจ้าหน้าที่ “กลับไม่ได้มีการสืบสวนเพิ่มเติม”
คริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า “เราได้พูดคุยกับเหยื่อและครอบครัว และรู้สึกเสียใจที่เพิ่มความเจ็บปวดให้กับทุกคนๆ ที่สูญเสียจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้”
เรย์ รับปากว่าจะ “สืบสาวเรื่องนี้ให้ถึงต้นตอ” ขณะที่รัฐมนตรียุติธรรม เจฟฟ์ เซสชันส์ สั่งให้ทบทวนการปฏิบัติหน้าที่ของเอฟบีไอทันที “เพื่อให้มั่นใจว่าข้อบ่งชี้ถึงเหตุรุนแรงจะได้รับการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ”
ด้านผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ริค สก็อตต์ ถึงกับเรียกร้องให้ ผอ.เอฟบีไอ แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก โดยระบุว่า ความผิดพลาดครั้งนี้เป็นสิ่งที่ “รับไม่ได้”
“คนบริสุทธิ์ 17 คนต้องตายไป และการยอมรับความผิดพลาดก็ไม่ได้ช่วยตัวเลขนี้ลดลง” สก็อตต์ ระบุ
คำเตือนเมื่อเดือน ม.ค. ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอฟบีไอได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมอันตรายของ ครูซ ซึ่งใช้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 ที่ซื้อมาอย่างถูกกฎหมายเมื่อปีที่แล้วกราดยิงใส่ห้องเรียน
เมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว เอฟบีไอก็ได้รับแจ้งว่ามีบุคคลที่ชื่อ นิโคลัส ครูซ โพสต์ข้อความในเว็บไซต์ยูทิวบ์ว่า “ผมกำลังจะเป็นฆาตกรกราดยิงโรงเรียนมืออาชีพ”
หน่วยงานแห่งนี้อ้างว่าได้ตรวจสอบแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวตนของผู้โพสต์ได้