เอเจนซีส์ - เรือติดธงเกาหลีเหนือ ไร ซอง กัง 1(Rye Song Gang 1) ที่ถูกองค์การสหประชาชาติขึ้นบัญชีดำห้ามจอดทุกท่าทั่วโลก ถูกพบทอดสมอใกล้กับเรืออีกลำห่างจากเมืองเซียงไฮ้ไปทางตะวันออก 250 ก.ม ถูกเครื่องบินสอดแนมญี่ปุ่นพบเมื่ออังคาร(13) ล่าสุด ถือเป็นการละเมิดมติยูเอ็นหนที่ 3 ในรอบไม่กี่เดือน
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(15 ก.พ)ว่า เรือเติดธงเกาหลีเหนือ ไร ซอง กัง 1(Rye Song Gang 1) เป็น 1 ใน 8 ลำที่ถูกองค์การสหประชาชาติประกาศห้ามเข้าจอดทุกท่าทั่วโลกในมติที่มีเป้าหมายเพื่อคว่ำบาตรเปียงยาง แต่กลับพบว่าในเช้าวันอังคาร(13) เรือลำนี้ที่ถูกเครื่องบินสอดแนมญี่ปุ่นจับภาพไว้ได้ ทำการทอดสมอใกล้กับเรืออีกลำอย่างไม่สนใจ
ซึ่งพบว่าพิกัดล่าสุดที่ถูกพบอยู่ห่างจากเมืองเซี่ยงไฮ้ไปทางตะวันออกราว 250ก.ม และเรือที่จอดใกล้กับเรือไร ซอง กัง 1 สื่อสหรัฐฯชี้ว่าคือเรือ วาน เฮง 11 (Wan Heng 11) ซึ่งติดธงชาติเบลิซ แต่เรือลำนี้มีเจ้าของและบริหารโดยบริษัทที่มีฐานอยู่ในฮ่องกง อ้างอิงจาก อีควอซิส(Equasis) ฐานข้อมูลการติดตามเรือคาร์โกซึ่งถูกพัฒนาโดยเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปและเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส
CNN ชี้ว่า ถือเป็นเรื่องปกติที่ทางบริษัทซึ่งจัดการและเป็นเจ้าของจะจดทะเบียนเรือของตัวเองในประเทศอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงกฎระเบียบภายในประเทศที่เคร่งครัด
ด้านกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นและกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ของรัฐบาลว่า “เรือทั้ง 2 ลำนี้มีความน่าสงสัยอย่างเป็นที่สุดที่เชื่อว่า “อาจเกี่ยวข้องกับการขนถ่ายสินค้าในระหว่างลอยลำอยู่ในทะเล”
ซึ่งในมติขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือที่ออกมาเมื่อกันยายนล่าสุด ประกาศห้ามประเทศสมาชิกจากการให้ความช่วยเหลือ หรือเกี่ยวข้องในการขนถ่ายระหว่างเรือต่อเรือซึ่งติดธงชาติเกาหลีเหนือ
และเมื่อทางสื่อสหรัฐฯสอบถามไปยัง ฮิวจ์ กริฟฟิธส์(Hugh Griffiths) ผู้ประสานงานชุดคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเกาหลีเหนือประจำองค์การสหประชาชาติถึงภาพถ่ายล่าสุดที่ทางโตเกียวจับภาพไว้ได้ กริฟฟิธส์ ซึ่งทางคณะของเขาที่มีหน้าที่สอดส่องและรายงานการบังคับใช้มติการคว่ำบาตรกล่าวว่า “ผมสามารถยืนยันได้ว่าทางชุดคณะทำงานได้รับข้อมูลบางอย่างจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับเคสนี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ผมไม่สามารถให้ความเห็นใดๆต่อกรณีศึกษาที่ทางคณะกรรมการกำลังสอบสวนอยู่ในเวลานี้” กริฟฟิธส์กล่าว
ทั้งนี้พบว่าการขนถ่ายสินค่าที่บริเวณท่าเรือถือเป็นสิ่งที่ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับกลางทะเล แต่ทว่าทางเปียงยางกลับต้องเลือกวิธีขนถ่ายแบบเรือต่อเรือแทน ซึ่งทำให้ CNN ชี้ว่า แสดงให้เห็นว่ามาตรการกดดันทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือที่ออกมามี ผลทำให้ทางเปียงยางทำงานได้ยากขึ้น แต่ทว่าความจริงที่ว่าการพบเรือไร ซอง กัง 1 นั้นสามารถกระทำผิดในน่านน้ำสากลครั้งแล้วครั้งเล่า แสดงให้เห็นข้อบกพร่องถึงการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเช่นกัน
ด้านแอนโธนี รักกิเออโร( Anthony Ruggiero) ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้มาตรการทางการเงินเป้าหมายต่อสถาบันสำหรับการปกป้องประชาธิปไตยออกมาให้เหตุผลว่า “นี่เป็นวิธีการที่ทางเกาหลีเหนือพลิกแพลงขึ้นมา และจะมีหนทางเดียวที่มาตรการคว่ำบาตรจะได้ผลก็ต่อเมื่อการคว่ำบาตรนั้นถูกปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน”
สำหรับสหรัฐฯซึ่งเป็นชาติผู้นำการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ และได้ออกมาตรการคว่ำบาตรเปียงยางชุดใหญ่ในปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเล่นงานไปที่ภาคการนำเข้าพลังงาน การส่งออกถ่านหินและแรงงานไปต่างแดน รวมไปถึงการขนส่งสินค้า
ซึ่งทางทำเนียบขาวหวังว่า มาตรการกดดันเหล่านี้จะสามารถทำให้การพัฒนาโครงการมิสไซล์นั้นช้าลง และกดดันระบบเศรษฐกิจเกาหลีเหนือจนถึงจุดที่ทำให้ประธานาธิบดีคิม จองอึนต้องยอมวางโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเองบนโต๊ะเจรจา
และในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กรุงโตเกียว รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ ระบุว่า ทางวอชิงตันจะเปิดเผยมาตรการกดดันเกาหลีเหนือรอบใหม่ ที่ทางเพนซ์ชี้ว่า จะหนักหน่วง และก้าวร้าวยิ่งกว่าเดิมที่เคยมีมาทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐฯชี้ว่า เพนซ์ไม่ได้ระบุด้วยว่า มาตรการใหม่ที่ว่านี้ จะเป็นลักษณะที่ทางสหรัฐฯดำเนินการเอง หรือจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติ