ผู้นำออสซีสั่งห้าม ครม. “เล่นเซ็กซ์” กับลูกน้อง หลังรองนายกฯ ทำงามไส้ อึ๊บที่ปรึกษาป่อง

เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรีมัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ แห่งออสเตรเลียออกคำสั่งอย่างเป็นทางการวันนี้ (15 ก.พ.) ห้ามคณะรัฐมนตรี “มีเซ็กซ์” กับลูกน้องในสังกัด พร้อมตำหนิรองนายกรัฐมนตรีว่า “ไม่รู้จักไตร่ตรอง” หลังแอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับที่ปรึกษาฝ่ายสื่อมวลชนจนเธอตั้งครรภ์

บาร์นาบี จอยซ์ รองนายกฯ ออสเตรเลียซึ่งแต่งงานอยู่กินกับภรรยามาแล้ว 24 ปี และรณรงค์เรื่องความสำคัญของสถาบันครอบครัว กำลังจะกลายเป็นพ่อลูกอ่อนในวัย 50 ปี เนื่องจากอดีตลูกน้องที่เขามีสัมพันธ์สวาทด้วยจะคลอดบุตรในช่วงเดือน เม.ย.ปีนี้

ระหว่างแถลงข่าวที่กรุงแคนเบอร์รา เทิร์นบูลล์ ตำหนิพฤติกรรมฉาวโฉ่ของรองนายกฯ ว่า “สร้างความเจ็บปวดและอับอายให้แก่ภรรยาและลูกทั้ง 4 คน” และอาจถึงขั้นสั่นคลอนความเป็นพันธมิตรระหว่าง 2 พรรคร่วมรัฐบาล

เทิร์นบูลล์ ไม่ได้ปลด จอยซ์ ออกจากตำแหน่ง เพราะเกรงจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลซึ่งครองเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเกินครึ่งมาเพียง 1 เสียง แต่ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้จำเป็นต้องปรับปรุงมาตรฐานจริยธรรมของรัฐมนตรี

“ในปี 2018 การที่รัฐมนตรีจะมีสัมพันธ์ทางเพศกับลูกน้องในสังกัดของตนถือเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรเกิดขึ้นในที่ทำงาน ทุกท่านก็ทราบอยู่แล้วว่ามันไม่มีอะไรดีเลย” เทิร์นบูลล์ กล่าว

“รัฐมนตรีทุกคนไม่ว่าจะสมรสแล้วหรือยังโสด ต้องไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับเจ้าหน้าที่ และหากใครทำเช่นนั้นก็ถือว่าละเมิดมาตรฐาน”

ผู้นำออสซีย้ำว่า คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” และ จอยซ์ “ควรพิจารณาตนเอง” ในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเนชันแนล

จอยซ์ เผชิญกระแสกดดันอย่างหนัก หลังความสัมพันธ์กับอดีตที่ปรึกษาฝ่ายสื่อมวลชน วิกกี แคมเพียน วัย 33 ปี ถูกเปิดโปงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้เขาถูกตำหนิว่าฝ่าฝืนกฎระเบียบของคณะรัฐมนตรี และมีเสียงเรียกร้องให้ลาออก

จอยซ์ ได้ทำเรื่องขอลาหยุดตลอดทั้งสัปดาห์หน้า เพื่อจะได้ไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกฯ ระหว่างที่ เทิร์นบูลล์ เดินทางไปเยือนวอชิงตันเพื่อพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดพบว่า คะแนนนิยมของจอยซ์ลดฮวบในกลุ่มประชาชนแถบชนบท หลังจากที่มีข่าวอื้อฉาวออกมา

สัดส่วนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังให้การสนับสนุน จอยซ์ ลดเหลือเพียง 43% ตามผลสำรวจของ ReachTEL ซึ่งเผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์แฟร์แฟ็กซ์ฉบับวันนี้ (15) จากเดิมที่เคยสูงถึง 63% ในผลการเลือกตั้งซ่อมเมื่อเดือน ธ.ค.