มาร์เกตวอตช์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันทรงตัวในวันจันทร์ (12 ก.พ.) คาดกำลังผลิตสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนวอลล์สตรีทขยับขึ้นแรงท่ามกลางการซื้อขายที่กลับสู่ภาวะสงบ หลังเผชิญความผันผวนนานกว่า 1 สัปดาห์ ขณะที่ทองคำปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง เหตุดอลลาร์อ่อนค่าลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 9 เซ็นต์ ปิดที่ 59.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ลดลง 20 เซ็นต์ ปิดที่ 62.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯเผยแพร่รายงานไม่นานก่อนปิดตลาดในวันจันทร์ (12 ก.พ.) คาดหมายว่ากำลังผลิตน้ำมันชั้นหินรายเดือนจาก 7 แหล่งผลิตสำคัญ จะเพิ่มขึ้น 110,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 6.756 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก่อความกังวลทางอุปทาน
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันได้แรงพยุงจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง สวนทางยูโรที่ดีดตัวขึ้น จากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งปัจจัยค่าเงินอเมริกานี้ช่วยดันราคาทองคำในวันจันทร์ (12 ก.พ.) ปิดบวกแรง โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 10.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,326.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่า ECB มีแผนที่จะยุติการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย แม้ว่า ECB คงนโยบายการเงินในการประชุมเดือนที่แล้ว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (12 ก.พ.) ขยับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างสงบ หลังต้องเผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรงกว่า 1 สัปดาห์ โดยวอลล์สตรีทได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของอเมริกา
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 410.37 จุด (1.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 24,601.27 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 36.45 จุด (1.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,656.00 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 107.47 จุด (1.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,981.96 จุด
วอลล์สตรีทผันผวนหนักนับตั้งแต่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยแพร่ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งกระพือความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอเมริกา
ในวันจันทร์ (12 ก.พ.) ดูเหมือนว่านักทุนพยายามจะตั้งต้นใหม่ ด้วยตลาดเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวันและขยับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
มิก มัลวานีย์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณของทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ทำเนียบขาวเตรียมเสนองบประมาณต่อสภาคองเกรสในวันจันทร์ (12 ก.พ.) ซึ่งครอบคลุมถึงงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ และอีก 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ แผนงบประมาณดังกล่าวยังรวมถึงข้อเสนอในการปรับลดการขาดดุลงบประมาณลง 3 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี