เอเจนซีส์ - “พยองชางเกมส์” กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เพิ่งเปิดฉากไป อาจจะมีบางส่วนไม่รู้สึกร่วมไปด้วย หลังสื่อกาตาร์เปิดเผยล่าสุดว่า องค์การท่องเที่ยวเกาหลีใต้ KTO ออกมายอมรับว่า ยุติโครงการก่อสร้างห้องทำละหมาดสำหรับผู้เข้าชมการแข่งขัน เนื่องมาจากได้รับเสียงต่อต้านอย่างหนักจากคนในพื้นที่
ยาฮู นิวส์ รายงานวันเสาร์(10 ก.พ)ว่า เมื่อไม่นานมานี้ องค์การท่องเที่ยวเกาหลีใต้ KTO ออกแถลงการณ์ยุติโครงการก่อสร้างห้องทำละหมาดเคลื่อนที่ซึ่งมีมากกว่า 1ห้องให้กับผู้เข้าชมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว “พยองชางเกมส์ “ ที่กังเนือง (Gangneung) ซึ่งเป็นสถานที่กีฬาในร่มทุกประเทศถูกจัดขึ้น
การประกาศยกเลิกของทาง KTO เกิดขึ้นหลังจากได้รับกระแสต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายผู้ประท้วงต่อต้านมุสลิม อ้างอิงจากสื่ออัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์
“ทางเรานั่งลงและได้พูดคุยกับพวกเขา แต่ในท้ายที่สุด ทางเราต้องยกเลิกแผนการไป” กัง ซุค-โฮ(Kang Suk-ho ) หัวหน้าแผนกการท่องเที่ยวเมืองกังเนือยกล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อกาตาร์
ในขณะที่คิม ยอง-จู( Kim Yeong-ju) จากองค์การท่องเที่ยวเกาหลีใต้ KTO กล่าวว่า กระแสต้านการสร้างห้องละหมาดนั้นเกิดขึ้นอย่างหนักจนทำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคิดว่า พวกเขาคงไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้
อัลญะซีเราะฮ์รายงานว่า แนวคิดการสร้างห้องละหมาดนั้น มีจุดประสงค์เพื่อจะทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกว่า “เกาหลีใต้เป็นมิตรกับมุสลิม” ถือเป็นการโปรโมทระหว่างเทศกาลโอลิมปิกฤดูหนาวที่กำลังเปิดฉากอยู่ในขณะนี้ และนอกจากนี้ ทางเกาหลีใต้ยังต้องการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมุสลิมให้เดินทางเข้าประเทศมากขึ้น
สื่อยาฮู นิวส์รายงานว่า กระแสแรงต้านส่วนใหญ่นั้นมาจาก “สมาพันธ์ต่อต้านอิสลามของประชาชนชาวกังวอนแห่งกีฬาโอลิมปิกพยองชาง” ( PyeongChang Olympics Gangwon Citizens’ Islam Countermeasure Association) ซึ่งเป็นองค์กรที่ถูกจัดตั้งเมื่อไม่นานมานี้ แต่เป็นตัวตั้งตัวตีในการผลักดันคำร้องต่อต้านการสร้างห้องละหมาดผ่านทางกูเกิล
ยาฮูนิวส์กล่าวว่า ในหนังสือคำร้องของทางกลุ่มได้แจกแจงให้เห็นภาพถึงความน่ากลัวในการแพร่ลัทธิมุสลิมสุดโต่งมาสู่จ. กังวอน เกาหลีใต้ และทางกลุ่มประสบความสำเร็จ สามารถรวบรวมรายชื่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยได้ถึง 56,000 รายชื่อด้วยกัน
โดยทาง เซา จี- ฮุน(Seo Ji-hyun) ผู้อำนวยการปฎิบัติการของทางกลุ่มกล่าวกับอัลญะซีเราะฮ์ว่า “ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ใช้เงินภาษีประชาชนจำนวนมากในการจัดการแข่งขันแล้ว และเราไม่ควรใช้เงินมากกว่านี้ในการก่อสร้างห้องละหมาดอีก”
นอกจากนี้ทางผู้นำของทางกลุ่มต่อต้านยังให้ความเห็นว่า ผู้ที่เข้าร่วมชมการแข่งขันซึ่งเป็นมุสลิม ***สมควรที่จะต้องยอมไม่ทำละหมาดตามศาสนกิจประจำวันชั่วคราวในระหว่างเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นในขณะกำลังขับรถ หรือกำลังเดินทางด้วยเครื่องบิน***
ยาฮูนิวส์ชี้ว่า กลุ่มสมาพันธ์มาตรการต่อต้านอิสลามที่เป็นกลุ่มพลเมืองจัดตั้งภายใต้การนำโดย จอง ฮยอง-มาน(Jeong Hyeong-man) ออกมาต่อต้านการเป็นมิตรกับวัฒนธรรมอาหารฮาลาลของชาวมุสลิมในเกาหลีใต้ รวมไปถึงสร้างภาพแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อการมีผู้ก่อการร้ายมุสลิมที่มีฐานอยู่ในเกาหลีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้สิ่งเหล่านี้ไม่ใช้เรื่องใหม่สำหรับเกาหลีใต้ ยาฮูนิวส์กล่าว เพราะพบว่าประชากรชาวมุสลิมในเกาหลีใต้คิดเป็นสัดส่วนแค่ 02.% ของประชากรทั้งหมด 51 ล้านคน
ซึ่ง อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ชี้ว่า สิ่งนี้ถือเป็นที่น่าเสียดาย เพราะเมื่อพิจารณาตัวเลขนักท่องเที่ยวมุสลิมที่เดินทางเข้าเกาหลีใต้นั้นดูเหมือนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในเวลาไม่กี่ปีมานี้
โดยอ้างอิงข้อมูลจาก KTO พบว่ามีจำนวนสัดส่วนเพิ่มขึ้น 33% ในปี 2016 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2015 และมีจำนวนนักท่องเที่ยวมุสลิมแตะ 1.2 ล้านคนภายในสิ้นปี 2017
และอีกทั้งทางเกาหลีใต้ได้อนุมัติใบอนุญาตอาหารฮาลาลให้กับภัตตาคารและห้องละหมาด และพบว่าองค์การท่องเที่ยวโซลได้จัดทำวิดีโอ แสดงถึงร้านอาหารฮาลาลสำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิมที่จะสามารถเข้าไปใช้บริการได้ทั่วกรุงโซล
ด้านสมาพันธ์มุสลิมเกาหลี KMF ได้แสดงความผิดหวังต่อการยกเลิกการจัดสร้างห้องละหมาดเคลื่อนที่ โดยชี้ว่า การจัดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวควรก้าวพ้นจากความเป็นแค่ 1 ประเทศ เชื้อชาติ วัฒนธรรม และศาสนา เพื่อบรรลุเป้าหมายความสามัคคีที่แท้จริง
“การตัดสินใจที่ออกมานี้ ยังคงแสดงให้เห็นว่า เรา ที่เป็นประเทศเจ้าภาพ ยังขาดความเข้าใจอย่างถ่องแท้” ลี จู ฮวา(Lee Ju-hwa) ตัวแทนจาก KMF กล่าวด้วยความรู้สึกผิดหวัง
อย่างไรก็ตาม สื่อกาตาร์ชี้ว่า มีผู้เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เป็นชาวมุสลิมอาจรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องใช้ห้องละหมาดทีทางเจ้าภาพจัดไว้ เพราะเกรงปัญหาความปลอดภัย
โดยหนึ่งในนั้นกล่าวว่า “ทางเราสามารถทำละหมาดที่มุมใดมุมหนึ่ง หรือกลับมาที่โรงแรมแล้ว ข้าพเจ้าได้แต่หวังว่า ฝ่ายต่อต้านจะตระหนักว่า มีสิ่งเล็กๆเท่านั้นที่จะสัมฤทธิ์ผลในการที่ไม่ตั้งห้องละหมาดขึ้นมา”