เอเจนซีส์ - ทำเนียบขาวออกมาแถลงโต้ล่าสุด ว่า จอห์น เคลลี หัวหน้าคณะทำเนียบขาว ไม่ได้เสนอตัว “ยอมลาออก” ตามข่าวลือ หลังเคลลีถูกกดดันอย่างหนักในวันเสาร์ (10 ก.พ.) ออกมาแก้ตัวแทนร็อบ พอร์เตอร์ (Rob Porter) ลูกน้องในคดีทำร้ายร่างกายภรรยาตัวเองถึง 2 คน แถมเลขาฯ ส่วนตัวของผู้นำสหรัฐฯ โฮป ฮิกส์ (Hope Hicks) มีชื่อพัวพัน
ไฟแนนเชียลไทม์ส สื่อธุรกิจรายงานเมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) ว่า ทำเนียบขาวออกมากปฏิเสธว่า จอห์น เคลลี หัวหน้าคณะทำเนียบขาว เวสต์วิง ไม่เคยออกมาเสนอตัวลาออกจากตำแหน่ง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในฝีมือการจัดการปัญหาลูกน้องภายใต้การบังคับบัญชามีปัญหาการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัว และทำให้ผู้ช่วยระดับสูงของตัวเองต้องถูกไล่ออกในเวลาต่อมา
“พล.อ.เคลลี ไม่ได้เสนอตัวที่จะยื่นจดมายลาออกต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ” โฮแกน กิดลีย์(Hogan Gidley) โฆษกทำเนียบขาวแถลง เกิดขึ้นหลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานแฉในวันศุกร์ (9) ว่า พลเอกนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่ปลดเกษียณรายนี้ได้กล่าวกับบรรดาผู้ช่วยที่ใกล้ชิดในเวสต์วิง ปีกตะวันตกของทำเนียบขาว ซึ่งเป็นส่วนของผู้นำสหรัฐฯ ว่า เขาเตรียมพร้อมสำหรับการลาออกของตัวเอง
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อตัวเคลลีได้เพิ่มขึ้นทุกวันนับตั้งแต่ร็อบ พอร์เตอร์ (Rob Porter) เลขาคณะทำเนียบขาวถูกสั่งให้ลาออกจากตำแหน่ง เกิดขึ้นหลังจากข่าวฉาวการที่พอร์เตอร์ใช้กำลังทำร้ายร่างกายอดีตภรรยาถึง 2 คนถูกเปิดเผยออกมาสู่สาธารณะ
สื่อธุรกิจรายงานว่า พอร์เตอร์ทำหน้าที่เป็นเลขาฯ คณะทำงานให้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญของห้องทำงานรูปไข่ทำเนียบขาวทีเดียว
ทั้งนี้ เมื่อข่าวเรื่องพอร์เตอร์ใช้กำลังประทุษร้ายอดีตภรรยาเปิดต่อสาธารณะในวันอังคาร (6) ก่อนหน้า พบว่าเคลลีได้ออกแถลงการณ์กล่าวปกป้องพอร์เตอร์อย่างถึงที่สุด ซึ่งเคลลีได้เรียกพอร์เตอร์ว่า “เป็นชายที่มีความเที่ยงธรรมและมีความน่านับถืออย่างที่สุด”
แต่อย่างไรก็ตาม ในวันถัดมา เคลลีได้ปลีกตัวออกห่างพอร์เตอร์เมื่อพบว่ามีข้อกล่าวหาข่าวฉาวเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับตัวลูกน้องระดับสูงรายนี้ และเมื่อข่าวการลาออกของพอร์เตอร์ถูกประกาศออกมา จอห์น เคลลี ออกมายอมรับว่า เขารู้สึกช็อกเป็นอย่างมากต่อข้อกล่าวหาใหม่ที่เกิดขึ้น “ถึงแม้เขาจะดูเหมือนว่ารู้เรื่องเหล่านี้มาหลายเดือนก็ตาม”
ไฟแนนเชียลไทม์สชี้ว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำเนียบขาวดูเหมือนออกมาแถลงในสิ่งที่ขัดแย้งกันมาตลอดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทว่าดูเหมือนมีความชัดเจนมากขึ้นที่พบว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมไปถึงเคลลี หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว ทราบถึงข่าวฉาวเหล่านี้มานานแล้ว เพราะได้รับการแจ้งจากสำนักงาน FBI ที่ได้ทำการสอบสวนตามปกติที่ต้องกระทำตามกระบวนการสอบประวัติเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระดับสูงในการที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงชั้นความลับสูงสุด
ทั้งนี้ พบว่าพอร์เตอร์นั้นถูกให้ออกจากงานในวันพุธ (7) และพบว่าเขาพัวพันกับเลขาฯ ของผู้นำสหรัฐฯ โฮป ฮิกส์ (Hope Hicks) ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการด้านการสื่อสารทำเนียบขาว
เดอะการ์เดียนชี้ว่า ฮิกส์นั้นเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในทำเนียบขาว รองลงมาจากทรัมป์ทีเดียว
ฮิกส์นั้นกลายเป็นบุคคลที่เป็นศูนย์กลางปัญหาหลายเรื่อง ในกรณีของพอร์เตอร์ พบว่า เธอมีชื่อพัวพันในฐานะที่เดตกับชายผู้นี้ ส่วนในคดีรัสเซียพัวพันการเลือกตั้งสหรัฐฯ พบว่าโรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษสหรัฐฯ มีเป้าหมายไปที่ตัวเธอในความพยายามที่ต้องการให้โฮป ฮิกส์ เข้าให้ความร่วมมือในฐานะพยาน
สื่ออังกฤษกล่าวว่า มีรายงานว่าฮิกส์ถูกสอบปากคำโดยทีมสอบสวนของมุลเลอร์แล้ว
เดอะการ์เดียนชี้ว่า ต่อสาธารณะดูเหมือนทรัมป์จะยังคงออกมาปกป้องและสนับสนุนเธอ แต่ทว่าในทางส่วนตัว มีข่าวว่าผู้นำสหรัฐฯ ได้วิพากษ์วิจารณ์ตัวเธอ ซึ่งแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวชี้ว่า ฮิกส์รู้ว่าอดีตแฟนสาวของพอร์เตอร์ได้เปิดเผยกับบรรดาเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยว่า อดีตภรรยาของพอร์เตอร์ถึง 2 คนเปิดเผยว่า “พอร์เตอร์เป็นคนที่มีความรุนแรง” แต่กลับกลายเป็นว่า ฮิกส์ยังคงเดตกับชายผู้นี้อย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ได้เปิดเผยให้ผู้นำสหรัฐฯ รับทราบ ซึ่งร็อบ พอร์เตอร์ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ไฟแนนเชียลไทม์สชี้ว่า มรสุมไม่ได้กระหน่ำทำเนียบขาวแค่เฉพาะเรื่องพอร์เตอร์ แต่พบว่า อดีตเจ้าหน้าที่ร่างสุนทรพจน์และแถลงการณ์ เดวิด โซเรนเซน (David Sorensen) ที่ทำงานให้ผู้ช่วยทำเนียบขาวระดับสูงได้ลาออก หลังจากมีข่าวฉาวเปิดเผยถึงเรื่องการซ้อมภรรยาของตัวเองออกมา
สื่อธุรกิจชี้ว่า ตั้งแต่ทรัมป์สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง พบว่ามีคนจำนวนมากภายใต้รัฐบาลของเขา และทำงานให้กับทำเนียบขาวต้องลาออกจากตำแหน่ง หรือถูกให้ออก รวมไปถึง สตีฟ แบนนอน คนใกล้ชิดที่ทำหน้าที่เป็นอดีตที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ให้กับทรัมป์ และไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาว