เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - เมื่อวานนี้(30 ม.ค) ผู้นำสหรัฐฯใช้การแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ประกาศจุดทางการค้าชัดเจน “ยุคการยอมแพ้ทางเศรษฐกิจจบสิ้นแล้ว” เกิดขึ้นวันเดียวกันกับที่กล่มภาคธุรกิจสหรัฐฯออกมาเตือน บริษัทอเมริกันอาจตกเป็นตัวประกันถูกปักกิ่งใช้ตอบโต้
วอชิงตันเอ็กแซมมิเนอร์ สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้(30 ม.ค)ว่า ในการแถลงนโยบายประจำปีของผู้นำประเทศต่อสภาคองเกรส ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงจุดยืนสายเหยี่ยวออกมา ประกาศว่า สหรัฐฯจะไม่อดทนต่อการเสียเปรียบทางการค้าอีกต่อไป โดยเขากล่าวว่า
“ยุคแห่งการยอมแพ้ทางเศรษฐกิจได้จบสิ้นแล้ว”
และผู้นำสหรัฐฯยังประกาศว่า “จากนี้ต่อไปทางเราคาดหวังว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าต้อง “แฟร์” และที่สำคัญที่ที่สุดต้องอยู่บนพื้นฐานผลต่างตอบแทน” ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯจะเข้มงวดในการบังคับใช้กฎเกณฑ์ทางการค้าทั้งหมดที่มี
ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจอเมริกันออกมาเตือนรัฐบาลสหรัฐฯในวันอังคาร(30)ว่า หากทางสหรัฐฯเลือกจะใช้มาตรการทางภาษีจัดการกับจีน อาจส่งผลร้ายต่อบริษัทอเมริกันที่อาจถูกปักกิ่งจ้องเล่นงานได้
ลอสแอนเจลีสไทม์สรายงานว่า แหล่งข่าวล็อบบี้ยิสต์ธุรกิจอเมริกันออกมาชี้ว่า การที่ทั้งสหรัฐฯและจีนหันไปทำสงครามทางการค้าจะส่งผลร้ายต่อตลาดโลก โดยวิลเลียม ซาริต( William Zarit)ประธานหอการค้าอเมริกันในจีนกล่าวว่า “ผมได้รับคำบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่คนสำคัญจำนวนหนึ่งว่า ใช่ ต้องมีการตอบโต้เกิดขึ้น หากว่าทรัมป์เลือกที่จะใช้มาตรการอื่นเพิ่มเติม”
อย่างไรก็ตาม ซาริตชี้ว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุถึงวิธีการที่ทางจีนจะตอบโต้ หรือมาตรกาที่จะเริ่มเปิดฉาก
ลอสแอนเจลีสไทม์สชี้ว่า ทั้งนี้ก่อนหน้ารัฐบาลจีนได้เพิ่มความเข้มงวดต่อถั่วเหลืองนำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้นในหลายรัฐที่ทำให้ผู้นำสหรัฐฯชนะในการเลือกตั้ง และสื่อสหรัฐฯยังชี้ว่า ทางปักกิ่งอาจออกมาตรการเพิ่มเติมด้านการเกษตร หรือภาคอุตสาหกรรมอากาศยาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสินค้าส่งออกที่สำคัญของสหรัฐฯเช่นกัน
“จากมุมมองของจีน พวกเขาส่วนใหญ่ต้องการที่จะเล่นงานภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทางการเมืองในสหรัฐฯ” เลสเตอร์ รอส(Lester Ross) ประธานกรรมการด้านนโยบายของหอการค้าสหรัฐฯกล่าวแสดงความเห็น และชี้ว่า เขาได้เลือกที่จะโดดเดี่ยวบริษัทโบอิ้ง ซึ่งเป็นคู่แข่งบริษัทแอร์บัสจากยุโรปในการแข่งขันในตลาดจีน
สำหรับบริษัทโบอิ้งในตลาดจีนพบว่า ทางโบอิ้งสามารถทำรายได้เกือบ 11% จากรายได้ทั้งหมดของทางบริษัท และมีความต้องการของโปรเจกต์ต่อเนื่องในช่วงอีก 20 ปีข้างหน้าคาดจะสามารถทำรายได้ให้กับบริษัทเกือบ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์
และรอสยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลจีนยังสามารถเลือกที่จะตอบโต้สหรัฐฯโดยการเปิดการสอบสวนการต่อต้านการทุ่มตลาดในสินค้านำเข้าจากอเมริกา บนพื้นฐานที่สินค้าถูกจำหน่ายในราคาต่ำกว่ามูลค่าตลาด หรือสงสัยว่าอาจได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ
ในขณะที่รัฐมนตรีการค้าจีน ออกมาเตือนว่า เขาพร้อมที่จะป้องกันอย่างถึงที่สุดต่อผลประโยชน์ของจีน หากผู้นำสหรัฐฯเลือกที่จะใช้วิธีมาตรการเยียวยาทางการค้า (Trade remedies)เล่นงานจีน
นอกจากนี้ในบทบรรณาธิการของสื่อโกบอลไทม์สของจีนเมื่อไม่นานมานี้ ได้ออกมาเตือนว่า บรรดาผู้มีอำนาจในสหรัฐฯควรที่จะสังวรว่า “จีนไม่ใช่แกะเชื่องๆ”
ในขณะที่เซาท์มอร์นิงไชน่า ได้รายงานในวันอังคาร(30) เตือนปักกิ่งให้ระวังมาตรการทางการค้าจากสหรัฐฯ พร้อมชี้ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ใช่แค่ขู่เท่านั้น
โดยสื่อฮ่องกงได้อ้างไปถึง สก็อต เคนเนดี( Scott Kennedy) ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนประจำศูนย์แห่งยุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศ (Centre of Strategic and International Studies)ที่มีฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ที่ได้กล่าวว่า ทรัมป์มีแผนที่จะใช้มาตรการลงโทษทางการค้ากับจีน ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญรายนี้ชี้ว่า นี่ไม่ใช่การออกมาบลัฟของผู้นำสหรัฐฯ และเป็นคำถามว่า จะเกิดขึ้นเมื่อใดเท่านั้น
เซาท์มอร์นิงไชน่าโพสต์รายงานว่า การออกมาให้ความเห็นของรอสนั้นคล้ายกับคำตอบที่ออกมาจากโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯที่ได้เปิดเผยว่า บนพื้นฐานความสัมพันธ์ทางการค้า Sino-US “คุณสามารถคาดหมายได้ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะยังคงยืนยันในการค้าอย่างเป็นธรรมและการค้าต่างตอบแทน” ในการขึ้นแถลงนโยบายประจำปีสหรัฐฯ
โฆษกสภาความมั่นคงฯได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ย้ำหลายครั้งว่า อเมริกาจะใช้ทุกมาตรการเยียวยาทางการค้า เพื่อสร้างสนามให้กับผู้เล่นแรงงานอเมริกันและธุรกิจอเมริกัน”
ซึ่งในการให้สัมภาษณ์ในครั้งนั้น โฆษกสภาความมั่นคงฯได้ออกมาปัดไปถึงความน่าจะเป็นที่ทางวอชิงตันจะประกาศมาตรการที่เข้มงวดทางการค้าใหม่เพื่อตอบโต้จีน
ทั้งนี้ 1 สัปดาห์ก่อนหน้า ผู้นำสหรัฐฯเคยให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เขาจะหารือถึงการค้าที่ไม่สมดุลกับจีน และจะประกาศมาตรการทางการค้าในช่วงระหว่างการแถลงนโยบายประจำปี
ซึ่งทรัมป์ยืนยันกับรอยเตอร์ว่า ทางสหรัฐฯอาจเลือกใช้วิธีการลงโทษทางภาษีครั้งใหญ่กับจีนในเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา