เอเจนซีส์/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ – เกิดการประท้วงขึ้นวันอาทิตย์(28 ม.ค) หลังฮ่องกงประกาศตัดสิทธิ์การลงรับสมัครเลือกตั้งซ่อมสภานิติบัญญัติแห่งฮ่องกงที่จะมีขึ้นในเดือนมี.คที่จะถึงแก่ผู้สมัครจากพรรคเดโมซิสโต (Demosisto)แอกเนส จ้าว ทิง (Agnes Chow Ting) นักศึกษามหาวิทยาลัยวัย 21 ปี และแกนนำกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยร่มเหลืองปี 2014 ที่มีโจชัว หว่อง และนาธาน เหลาเป็นผู้นำ ล่าสุดวันนี้(29 ม.ค) นักกฎหมายชั้นนำร่วม 30 คนออกมาประณามการตัดสิทธิ์ ชี้เป็นการกดขี่สิทธิการแสดงความเห็น และสิทธิการทางการเลือกตั้ง
NHK สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า ประชาชนชาวฮ่องกงรวมตัวการประท้วงเมื่อวานนี้(28) หลังจากในวันเสาร์(27)รัฐบาลเกาะฮ่องกงตัดสินใจตัดสิทธิ์ผู้สมัครหญิงวัย 21 ปีจากพรรคเดโมซิสโต (Demosisto)แอกเนส จ้าว ทิง (Agnes Chow Ting)แกนนำกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยร่มเหลืองปี 2014 ให้ขาดคุณสมบัติในการลงรับสมัครเลือกตั้งซ่อมสภานิติบัญญัติแห่งฮ่องกง ที่มีชื่อเรียกว่า เล็กโก (Legco) ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
โดยทางรัฐบาลฮ่องกงอ้างไปถึงจุดยืนทางการเมืองของเธอ ที่ต้องการให้ฮ่องกงมีการปกครองตนเอง นั้นขัดต่อหลักกฎหมายขั้นพื้นฐานในการที่จีนแผ่นดินใหญ่มีอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะฮ่องกง อ้างอิงจากสื่อ medium.com
ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากผู้ก่อตั้งพรรคเดโมซิสโต นาธาน เหลา และสมาชิกสภาเล็กโกอีก 5 คนถูกให้พ้นจากการทำหน้าที่ในปี 2017 หลังจากที่คนทั้งหมดปฎิเสธไม่อ่านคำสาบานตนเข้ารับตำแหน่งที่ต้องปฎิญาณจะจงรักภักดีต่อ “เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน”
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า การประท้วงเกิดขึ้นบริเวณด้านหน้าของอาคารที่ว่าการรัฐบาลเกาะฮ่องกงในช่วงเย็นวันอาทิตย์(28) โดยตำรวจได้ให้ตัวเลขผู้เข้าร่วมการประท้วงอยู่ที่ราว 2,000 คน
ในวันอาทิตย์(28) ท่ามกลางผู้สนับสนุนที่ออกมาประท้วง จ้าววัย 21 ปีสมาชิกระดับสูงพรรคเดโมซิสโตประกาศให้ประชาชนยังคงมุ่งมั่นในจิตวิญญาณและความแข่งแกร่ง และเลือกหนทางที่ยากลำบากเพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยในท้ายที่สุด
“รัฐบาลฮ่องกงพยายามที่จะกำจัดทุกพรรคการเมืองที่ต่อต้านพวกเขา” แอกเนส จ้าว ทิง ประกาศกับผู้สนับสนุนในรายงานของหนังสือพิมพ์สเตรทไทม์สของสิงคโปร์
และเธอประกาศต่อว่า “แต่ถึงแม้ว่าพวกเราจะอยู่ภายใต้ความกดดัน และการกดขี่ พวกเรายังคงยืนยันต่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ”
ในขณะที่โจชัว หว่อง ผู้ก่อตั้งร่วมพรรคเดโมซิสโต ออกมาชี้ว่า ทางพรรคไม่ได้ออกมารณรงค์ให้ฮ่องกงเป็นประกาศอิสระออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ต้องการเห็นฮ่องกงทำการปกครองตนเอง และมีการทำประชามติเพื่อให้ประชาชนฮ่องกงตัดสินในอนาคตในการที่อยากที่จะเห็นฮ่องกงถูกปกครองในรูปแบบใด
ทั้งนี้หนึ่งในผู้เข้าร่วมการประท้วงวันอาทิตย์(28) จอห์นสัน ลุย (Johnson Lui) วัยเกษียณได้ให้เหตุผลกับเอเอฟพี ถึงการตัดสินใจเข้าร่วม เพราะคิดว่าข้อตกลงการส่งมอบคืนเกาะฮ่องกงปี 1997 ที่ทางปักกิ่งต้องกระทำตามข้อเรียกร้องของอังกฤษไปจนถึงปี 2047 นั้น ส่วนตัวเขารู้สึกว่า สัญญาส่งมอบคืนนั้นได้ตายไปแล้ว
“รัฐบาลปักกิ่งยุ่งเกี่ยวในทุกด้านของฮ่องกง ซึ่งมันไม่ยุติธรรม และยังละเมิดต่อแถลงการณ์ร่วมจีน-อังกฤษ” ลุยกล่าว
ภายใต้แถลงการณ์ร่วมจีน-อังกฤษ (Sino-British Joint Declaration) รัฐบาลอังกฤษยินยอมส่งคืนฮ่องกงกลับสู่การปกครองของจีน ภายใต้ “หนึ่งประเทศ - สองระบบ” ที่รับประกันว่าชาวฮ่องกงจะได้รับเสรีภาพและอิสระแห่งตุลาการแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นระยะเวลา 50 ปี
ในขณะที่ผู้ที่เข้าร่วมการประท้วงอีกคนในวัย 50 ปีได้เปิดเผยกับ NHK ว่า การตัดสินใจของรัฐบาลฮ่องกงในการตัดสิทธิ์จ้าวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุผล และไม่ยุติธรรม และรัฐบาลฮ่องกงดูเหมือนเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดของทางปักกิ่งเท่านั้น
ซึ่งในวันนี้(29) รอยเตอร์รายงานว่า มีกลุ่มนักกฎหมายชั้นนำของฮ่องกงร่วม 30 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักกฎหมายสายลิเบอรัลออกมาประณามรัฐบาลฮ่องกงว่า การตัดสิทธิ์ แอกเนส จ้าว ทิง นั้นเป็นเหมือนการปิดกั้นเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น และการตัดสิทธิทางการเลือกตั้งของเธอ
รอยเตอร์ชี้ว่าในกลุ่มนักกฎหมายชั้นนำของฮ่องกงนั้นมีทั้งอดีตและผู้นำคนปัจจุบันของสภาทนายความฮ่องกง โดยคนเหล่านี้ออกมาชี้ว่า การประณามนี้ไม่ได้หมายความว่า คนเหล่านี้ต้องการสนับสนุนความเห็นทางการเมืองของจ้าว แต่เป็นการกระทำไปเพื่อปกป้องเสรีภาพของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งพบว่าเธอได้ยื่นใบสมัครต่อทางการฮ่องกงเมื่อต้นเดือนนี้
ในแถลงการณ์ของกลุ่มนักกฎหมายฮ่องกงกล่าวว่า “การตัดสินใจที่ออกมาตั้งอยู่บนพื้นฐานความเห็นทางการเมือง หรืออาจมีบางส่วนอยู่ในนั้น บนพื้นฐานในการตัดสิทธิการลงรับสมัครการเลือกตั้งของเธอ ซึ่งนั่นไม่สมเหตุสมผล ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ”
ทั้งนี้หากว่าจ้าวได้รับการเลือกตั้งเข้าไป เธอจะกลายเป็นนักการเมืองที่มีอายุน้อยที่สุดเป็นครั้งแรกของสภาเล็กโก ซึ่งเธอเคยประกาศว่าหากว่าเธอชนะการเลือกตั้ง เธอจะขอหยุดพักการเรียนในปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยแบ็บติส(Baptist University)ที่เธอกำลังศึกษา และจะขอประกาศยกเลิกสัญชาติอังกฤษของตัวเองเพื่อที่จะสามารถทำหน้าที่นั่งอยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งฮ่องกงได้