เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นเข้าพบเหล่าผู้นำระดับสูงของจีนเมื่อวันอาทิตย์ (28 ม.ค.) เพื่อการหารือทางการทูตที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก และสิ้นสุดลงโดยทั้งสองฝ่ายต่างให้คำมั่นที่จะปรับปรุงสายสัมพันธ์อันเย็นชาของสองประเทศให้กระเตื้องดีขึ้น ทว่าแทบไม่ได้มีข้อเสนอซึ่งเป็นรูปธรรมจับต้องได้ปรากฏออกมาให้เห็น
จีนกับญี่ปุ่นซึ่งมีฐานะเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของโลกตามลำดับ มีความสัมพันธ์ระหว่างกันที่อุดมไปด้วยปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อพิพาทซึ่งเกิดขึ้นมานานแล้วจากการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะเล็กๆ ในทะเลจีนตะวันออกทับซ้อนกันอยู่ ตลอดจนมรดกที่ตกทอดมาจากช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นได้รุกรานและยึดครองดินแดนจำนวนมากในประเทศจีน
การเดินทางไปจีนของ ทาโระ โคโนะ คราวนี้ ถือเป็นการเยือนครั้งแรกของรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นในช่วงระยะเวลาเกือบ 2 ปี และบังเกิดขึ้นขณะที่โตเกียวมุ่งหว่านล้อมให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ไปเยือนแดนอาทิตย์อุทัย
ในการมากรุงปักกิ่งคราวนี้ โคโนะได้เข้าพบหารือทั้งหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน, หยาง เจียฉือ มนตรีแห่งรัฐซึ่งทำหน้าที่รับผิดชอบด้านการต่างประเทศ, และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง
ทว่าจากประเด็นปัญหาต่างๆ หลายหลาก ตั้งแต่การจัดตั้งโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนทางทหาร, ไปจนถึงการผ่อนคลายความตึงเครียดรอบๆ หมู่เกาะพิพาทในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งญี่ปุ่นเรียกชื่อว่าเซงกากุ แต่ฝ่ายจีนเรียกว่า เตี้ยวอี้ว์, และการเชิญประมุขแห่งรัฐของจีนไปเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการชนิดเป็นพิธีการเต็มยศ ปรากฏว่าโคโนะเดินจากมาโดยแทบไม่ได้อะไรมากไปกว่าคำมั่นสัญญาอันคลุมเครือ
ทั้งนี้ในคำแถลงและการแสดงทัศนะต่างๆ ภายหลังการเจรจาหารือระหว่างฝ่ายญี่ปุ่นกับฝ่ายจีนเที่ยวนี้ ระบุว่าทั้งสองประเทศจะเดินหน้ามุ่งสู่การจัดตั้งโทรศัพท์สายด่วนทางทหารขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะกันในทะเลจีนตะวันออก และจะมุ่งหน้าจัดการเจรจาซัมมิต 3 ฝ่ายที่รวมเอาเกาหลีใต้เข้ามาด้วย
ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ ซึ่งหวั่นไหวต่อการที่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแล้วครั้งเล่า มีความปรารถนาที่จะเรียกหาความสนับสนุนจากจีนเพื่อยุติความทะเยอทะยานด้านอาวุธร้ายแรงของโสมแดง
“ประเด็นปัญหาเกาหลีเหนือเวลานี้กลายเป็นประเด็นปัญหาเร่งด่วนสำหรับทั่วทั้งสังคมระหว่างประเทศไปแล้ว” โคโนะกล่าวก่อนหน้าการพบปะเจรจากับพวกผู้นำจีน โดยที่เขากล่าวยกย่องความคืบหน้าซึ่งเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง
ทางฝ่ายจีนนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ออกคำแถลงซึ่งหยิบยกพูดถึงความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ จำนวนไม่มากที่ได้มาจากการหารือระหว่างโคโนะกับพวกผู้นำแดนมังกร เป็นต้นว่า ความตกลงหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินบำนาญซ้อนแก่ผู้ที่ทำงานอยู่ในประเทศของอีกฝ่ายหนึ่ง
ทั้งสองฝ่ายยังให้คำมั่นที่จะลงนาม “โดยเร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้” ในความตกลงที่จะจัดตั้งสายฮอตไลน์ทางทหารเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องในทะเลจีนตะวันออก
การที่ทั้งสองประเทศต่างออกตรวจการณ์ทางทะเลรอบๆ หมู่เกาะเล็กๆ เซงกากุ/เตี้ยวอี๋ว์ อยู่บ่อยครั้ง ทำให้ดินแดนแถวนี้มีความเสี่ยงที่จะปะทุตัวกลายเป็นสถานการณ์อันรุนแรง ตลอดจนถือเป็นอุปสรรคสำคัญประการหนึ่งซึ่งขวางกั้นการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ทว่า โนริโอะ มารุยามะ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นยอมรับว่า ทั้งสองประเทศยังไม่ได้มีการตกลงกันเกี่ยวกับกรอบเวลาสำหรับการปฏิบัติตามแนวความคิดในเรื่องสายฮอตไลน์นี้ ซึ่งมีการพูดจาหารือกันมาเป็นแรมปีแล้ว
สำหรับการเจรจาระดับซัมมิต 3 ฝ่ายระหว่างจีน,ญี่ปุ่น, และเกาหลีใต้นั้น เดิมทีกำหนดจัดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทว่าต้องเลื่อนออกไปภายหลังมีการกล่าวโทษฟ้องร้องและถอดถอนประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พัค กึน-ฮเย ในขณะนั้น
มารุยามะบอกว่า ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจนว่าซัมมิตไตรภาคีนี้จะจัดขึ้นมาเมื่อใด
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย” เขาบอกกับพวกผู้สื่อข่าว “การที่เราต้องพยายามหาทางจัดการกับกำหนดการที่เต็มแน่นมากของท่านผู้นำทั้ง 3 ....มันจึงกลายเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนสุดขีดทีเดียว”
โตเกียวกำลังพยายามเกี้ยวให้จีนส่งผู้นำไปเยือนอย่างเป็นทางการ รวมทั้งส่งคณะผู้แทนทางธุรกิจไปเจรจาหารือกับฝ่ายญี่ปุ่น ทว่าการแลกเปลี่ยนการเยือนแบบเป็นทางการเต็มรัฐพิธีนั้น ยังคงเป็นเรื่องซึ่งปักกิ่งไม่ค่อยสนใจ
มารุยามะบอกว่า เรื่องนี้ขึ้นต่อเป็นอย่างมากกับความสำเร็จของการจัดการประชุมซัมมิตระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ขึ้นมา โดยที่แดนอาทิตย์อุทัยวาดหวังว่าตนเองจะได้เป็นเจ้าภาพ
หากทุกอย่างลงล็อกแล้ว นายกฯหลี่จะนำคณะผู้แทนจีนไปเยือนญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นการกรุยทางให้เกิดความเป็นไปได้ที่นายกฯอาเบะจะมาเยือนจีนบ้าง แล้วต่อจากนั้นในที่สุดแล้วก็จะเป็นประธานาธิบดีสีไปเยือนญี่ปุ่น โฆษกผู้นี้กล่าว
ระหว่างพบหารือกับโคโนะในวันอาทิตย์ (28) นายกฯหลี่ชี้ถึงแนวโน้มทางบวกในสายสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น แต่ก็ย้ำว่า “ความสัมพันธ์นี้ยังคงเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอน” ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวซินหวาของทางการปักกิ่ง
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน รัฐมนตรีหวังบอกกับโคโนะว่า ทั้งสองประเทศกำลังอยู่ตรง “ช่วงตอนที่สำคัญอย่างยิ่งยวด” ในความสัมพันธ์ของพวกเขา พร้อมกับเสริมว่า “มีความก้าวหน้าไปในทางบวก แต่ก็ยังคงมีสิ่งรบกวนตอลดจนอุปสรรคจำนวนมาก”