xs
xsm
sm
md
lg

ชาวอัฟกันท้อรัฐด้อยกว่าก่อการร้าย หลังโดนคาร์บอมบ์ตาย-เจ็บนับร้อย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ – ชาวอัฟกันทั้งหวาดกลัว โกรธและสิ้นหวัง หลังเหตุระเบิดฆ่าตัวตายกลางเมืองหลวงเมื่อวันเสาร์ (27 ม.ค.) ที่มีผู้เสียชีวิตนับร้อยรายและบาดเจ็บอีกหลายร้อย ทรัมป์สั่งจัดการขั้นเด็ดขาดกับตอลีบานซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ ด้านทูตอเมริกันประจำยูเอ็นอ้างว่า การเพิ่มความกดดันของวอชิงตันใกล้สัมฤทธิ์ผล แต่ถูกตอลีบันตอกกลับว่าจะไม่ร่วมเจรจาสันติภาพเด็ดขาด ถ้ากองกำลังนานาชาติยังอยู่ในอัฟกานิสถาน

ขณะที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเตือนว่า อาจมีการโจมตีเกิดขึ้นอีก ชาวอัฟกานิสถานมากมายต่างแสดงความไม่พอใจและผิดหวังกับเหตุการณ์ร้ายที่ดูเหมือนไม่มีวันจบสิ้น

ในวันอาทิตย์ (28 ม.ค.) โมฮัมหมัด ฮานิฟ เจ้าของร้านค้าที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ รำพึงแทนเพื่อนร่วมชาติว่า พวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนและอย่างไร ในเมื่อประเทศไม่มีความมั่นคงปลอดภัย และรัฐบาลก็ไร้ประสิทธิภาพ

ชาวอัฟกันอีกมากมายใช้ช่องทางโซเชียลระบายความคับข้องที่มีต่อมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เลวร้ายลงทุกที ขณะที่กลุ่มตอลีบานและกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ระดมโจมตีคาบูลรุนแรงขึ้น

นาวีด กาเดรี โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า วันไหนไม่มีระเบิดในคาบูลถือว่าเซอร์ไพรส์มาก รัฐบาลชุดนี้น่าอัปยศอดสู เพราะไม่สามารถปกป้องประชาชนได้เลย

ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 103 ราย และบาดเจ็บ 235 ราย จากเหตุระเบิดเมื่อวันเสาร์ เหยื่อส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และเจ้าหน้าที่จับผู้ต้องสงสัยได้ 4 คน

กลุ่มตอลีบานออกมาอวดอ้างว่าเป็นผู้ลงมือในเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ ซึ่งเกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้โจมตีโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลในกรุงคาบูล และมีคนตายอย่างน้อย 25 คน หลายคนในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ

เหตุโจมตีเมื่อวันเสาร์ถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของอัฟกานิสถานนับจากเหตุระเบิดรถบรรทุกใกล้สถานทูตเยอรมนีที่มีผู้เสียชีวิต 150 คนเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว

นอกจากนั้น ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมายังเกิดเหตุโจมตีสำนักงานขององค์กรบรรเทาทุกข์ "เซฟ เดอะ ชิลเดรน" ในเมืองจาลาลาบัด ส่งผลให้รัฐบาลของประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ที่ตะวันตกให้การสนับสนุน ตกอยู่ท่ามกลางความกดดันให้ปรับปรุงความปลอดภัยของประชาชน

นานาชาติต่างประณามการโจมตีครั้งล่าสุดที่หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำอัฟกานิสถานระบุว่าเป็น “ความป่าเถื่อน”

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งกองกำลังอเมริกันไปประจำในอัฟกานิสถานเพิ่มเมื่อปีที่แล้ว รวมทั้งสั่งเพิ่มการโจมตีทางอากาศและความช่วยเหลืออื่นๆ ให้แก่กองกำลังอัฟกันนั้น เรียกร้องให้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับตอลีบาน

เจ้าหน้าที่อเมริกันหลายคนบอกว่า กลยุทธ์ใหม่กำลังกดดันตอลีบาน อาทิ นิกกี้ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ที่กล่าวหลังเดินทางกลับจากคาบูลเมื่อไม่นานมานี้ว่า กลยุทธ์ดังกล่าวเริ่มได้ผลและกดดันให้กลุ่มก่อการร้ายขยับเข้าใกล้การเจรจาสันติภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตอลีบานตอบโต้ว่าไม่ได้สะดุ้งสะเทือนเลยกับแนวทางของอเมริกา และจะยอมเจรจาก็ต่อเมื่อกองกำลังนานาชาติถอนตัวจากอัฟกานิสถานเท่านั้น

เหตุโจมตีครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในย่านที่มีผู้คนพลุกพล่าน รวมทั้งเป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น สำนักงานของสหภาพยุโรป สถานทูต และที่ทำการรัฐบาล ฟ้องถึงความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลอัฟกานิสถานในการรับมือการโจมตีที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

รัฐบาลเชื่อว่า เหตุการณ์นี้เป็นฝีมือเครือข่ายฮักกานีที่มีสายสัมพันธ์กับตอลีบาน ซึ่งเจ้าหน้าที่อัฟกานิสถานและตะวันตกสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีล่าสุดหลายครั้งในคาบูล

สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์นั้น มือระเบิดฆ่าตัวตายสามารถขับรถพยาบาลที่มีระเบิดซุกซ่อนอยู่ ผ่านจุดตรวจของทางการอย่างน้อย 1 จุดอย่างง่ายดาย โดยอ้างว่า กำลังนำผู้ป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่ถูกจับได้ที่ด่านที่สอง คนขับจึงตัดสินใจกดระเบิด


กำลังโหลดความคิดเห็น