เอเจนซีส์ - ข้าราชการลูกจ้างรัฐบาลกลางสหรัฐฯเตรียมตัวกลับไปทำงานในวันอังคาร (23 ม.ค.) ภายหลังรัฐสภาโหวตผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ยุติวิกฤตชัตดาวน์ที่ดำเนินมา 3 วัน ด้านทรัมป์โวเป็นชัยชนะของตัวเองในการเผชิญหน้าเดโมแครต ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนหากรีพับลิกันบิดพลิ้วเรื่องนโยบายคนเข้าเมือง อาจถูกเดโมแครตชำระโทษด้วยการทำให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดทำการชั่วคราวอีกรอบในเดือนหน้า
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติในวันจันทร์ (22) ด้วยคะแนน 233 ต่อ 150 รับรองให้ยืดอายุการใช้กฎหมายงบประมาณชั่วคราวออกไปอีกเป็นครั้งที่ 4 นับจากเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง วุฒิสภาได้ร่วมกันผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ด้วยคะแนน 81 ต่อ 18 ภายหลังที่พวกผู้นำของวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตยอมผ่อนคลายการแข็งขืน เนื่องจากได้รับการรับรองจากผู้นำวุฒิสภาฝั่งรีพับลิกันว่า จะโหวตกฎหมายคนเข้าเมืองในเดือนหน้า
ในคืนวันเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย และเพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติตั้งแต่วันอังคาร (23)
สัปดาห์ที่แล้ว สถานการณ์การเมืองในวอชิงตันสับสนพัลวัน เมื่อฝ่ายนิติบัญญัติงัดข้อกับทำเนียบขาวเรื่องนโยบายคนเข้าเมือง ขณะเดียวกันสองพรรคใหญ่ปะทะฝีปากโยนความผิดให้กันและกันว่าเป็นตัวการทำให้เกิดวิกฤตชัตดาวน์ ก่อนที่จะตกลงกันได้ในที่สุด
ทางด้านทรัมป์แถลงแสดงความยินดีว่า สุดท้ายสมาชิกเดโมแครตในรัฐสภาก็ยอมใช้เหตุผล
ทั้งนี้ ผู้นำเดโมแครตในสภาสูงตัดสินใจโอนอ่อนเพื่อยุติการชัตดาวน์ที่ดำเนินมาตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันศุกร์ (19) ภายหลังจากผู้นำวุฒิสมาชิกรีพับลิกันรับปากว่า จะช่วยผลักดันซึ่งปกป้องคุ้มครองพวก “ดรีมเมอร์” หรือผู้ลักลอบเข้าเมืองมากับพ่อแม่ขณะเป็นเด็กและบัดนี้เติบโตเป็นหนุ่มสาวอยู่ในอเมริกา ที่มีจำนวนราว 700,000 คน
ด้วยการสนับสนุนจากเดโมแครต ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะทำให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางปฏิบัติหน้าที่ได้จนถึงวันที่ 8 เดือนหน้า ก็ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอย่างราบรื่น
แต่แทนที่จะชื่นชมกับความปรองดองของฝ่ายนิติบัญญัติหรือความใจกว้างของเดโมแครต ทำเนียบขาวกลับดูเหมือนหมกมุ่นกับการที่เกิดภาวะชัตดาวน์ในวาระครบรอบ 1 ปีการรับตำแหน่งของทรัมป์พอดิบพอดี
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังออกโรงสกัดเดโมแครต โดยบอกว่า จะยอมรับกฎหมายปฏิรูปคนเข้าเมืองที่ส่งผลดีต่อประเทศในระยะยาว รวมทั้งครอบคลุมโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการทำตามข้อเรียกร้องของตนเองในการสร้างกำแพงตามแนวชายแดนติดกับเม็กซิโกเท่านั้น
นอกจากนี้ ก่อนที่รัฐสภาจะผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว ทรัมป์ยังกล่าวหาเดโมแครตว่า ทำให้หน่วยงานรัฐต้องชัตดาวน์เพื่อหวังเอาชนะในประเด็นกฎหมายคนเข้าเมืองซึ่งถือเป็นแนวทางของฝ่ายซ้ายตกขอบ
ขณะเดียวกัน ก่อนประกาศว่า เดโมแครตจะร่วมโหวตกับรีพับลิกันเพื่อยุติการชัตดาวน์นั้น ชัค ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกเดโมแครตประจานว่า ขณะที่สมาชิกสภาเจรจากันอย่างเคร่งเครียดในช่วงสุดสัปดาห์ ประธานาธิบดีนักเจรจากลับหายหน้าหายตาไป
แม้ยุติการชัตดาวน์ไปได้ แต่การที่ทั้งสองพรรคยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับนโยบายคนเข้าเมืองและการอุดหนุนแผนการสร้างกำแพงของทรัมป์ ทำให้มีแนวโน้มว่า อาจมีการเผชิญหน้ากันรอบใหม่นับจากวันที่ 9 กุมภาพันธ์
ชูเมอร์ดักคอ มิตช์ แมคคอนนเลล์ ผู้นำเสียงข้างมากของรีพับลิกันในวุฒิสภา โดยแสดงความคาดหวังว่า รีพับลิกันจะรักษาสัญญาเรื่องโครงการผ่อนผันอนุญาตให้ “ดรีมเมอร์” สามารถอยู่ต่อไปได้เป็นการชั่วคราว (Deferred Action for Childhood Arrivals หรือ DACA) ที่กำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 5 มีนาคม
มอลลี เรย์โนลด์ส จากสถาบันบรูคกิงส์เตือนว่า หากไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างกฎหมายคนเข้าเมือง เดโมแครตยังสามารถกดดันให้หน่วยงานรัฐบาลชัตดาวน์อีกรอบ
อย่างไรก็ตาม ในเฉพาะหน้านี้การอ่อนข้อให้ของพวกผู้นำเดโมแครตโดยเฉพาะ ส.ว.ชูเมอร์ ทำให้พวกนักเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รับผู้อพยพ ตลอดจนฐานเสียงผู้สนับสนุนเดโมแครตที่จำนวนมากเป็นพวกเสรีนิยิม พากันออกมาแสดงความโกรธเกรี้ยว เนื่องจากพวกเขาต้องการให้เดโมแครตยืนหยัดต่อสู้กันยาวนานกว่านี้ และกดดันหนักหน่วงกว่านี้ เพื่อให้รีพับลิกันและทรัมป์อ่อนข้อเรื่อง “ดรีมเมอร์” อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น