เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – กองทหารภาคพื้นดินของตุรกีบุกเข้าไปในภาคเหนือของซีเรียเมื่อวันอาทิตย์ (21 ม.ค.) เพื่อเดินหน้าโจมตี “อัฟริน” พื้นที่ยึดครองแห่งหนึ่งของชาวเคิร์ด ในความพยายามที่จะผลักดันกองกำลังอาวุธชาวเคิร์ดซึ่งสหรัฐฯหนุนหลังอยู่ให้ออกไปจากอาณาบริเวณดังกล่าว ทางด้านฝรั่งเศสออกมาส่งเสียงเตือนว่าปฏิบัติการของตุรกีเสี่ยงที่จะสร้างอันตรายต่อความสามัคคีของนานาชาติในการสู้รบเพื่อปราบปรามพวกนักรบญิฮาดไอเอส
ตุรกีประกาศตั้งแต่วันเสาร์ (20) เปิดยุทธการ “โอลีฟ แบรนช์” ที่มีจุดมุ่งหมายขับไล่กองกำลังอาวุธ “พีเพิลส์ โพรเทคชั่น ยูนิตส์” หรือ YPG ของชาวเคิร์ดในซีเรีย ซึ่งอังการามองว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ให้ออกไปจากพื้นที่เขตอัฟริน ทางภาคเหนือของซีเรีย
ทว่าการปฏิบัติการคราวนี้มีความเสี่ยงที่จะเพิ่มความตึงเครียดซึ่งตุรกีมีอยู่กับสหรัฐฯ ถึงแม้ทั้ง 2 ประเทศต่างเป็นชาติพันธมิตรนาโต้ด้วยกัน เนื่องจากวอชิงตันให้ความสนับสนุนแก่ YPG ซึ่งเป็นกำลังสำคัญที่สุดในกลุ่มพันธมิตรกบฎซีเรีย “ซีเรีย เดโมเครติก ฟอร์เซส” หรือ SDF ที่วอชิงตันพึ่งพาให้เป็นกองกำลังภาคพื้นดินในการสู้รบกับพวกนักรบญิฮาดกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ IS ในซีเรีย นอกจากนั้นแล้ว ตุรกียังจำเป็นที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัสเซีย อย่างน้อยที่สุดก็แบบอ้อมๆ จึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ
ทางด้านรัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส ฟลอรอง ปาร์ลี ส่งเสียงซึ่งกลายเป็นการเตือนอย่างหนักแน่นที่สุดของโลกตะวันตกต่อตุรกี นับตั้งแต่ที่การรุกครั้งนี้เริ่มต้นขึ้น โดยกล่าวว่า การกระทำเช่นนี้มีความเสี่ยงที่จะสร้างอันตรายให้แก่การรณรงค์เพื่อบดขยี้นักรบญิฮาดไอเอส
ตุรกีโดยนายกรัฐมนตรีบินาลี ยิลดิริม ประกาศว่า กองทหารของตนข้ามเข้าไปในเขตซึ่ง YPG ควบคุมอยู่ในซีเรียเมื่อเวลา 08.05 น.เวลามาตรฐานกรีนิช (ตรงกับ 15.05 น.เวลาเมืองไทย) สำนักข่าวโดกันของตุรกีรายงาน
ขณะที่กองทัพตุรกีแถลงว่า ได้ใช้ปืนใหญ่และเครื่องบินรบถล่มที่มั่นต่างๆ ของ YPG ที่อยู่รอบๆ อัฟริน และรวมทั้งหมดมีที่ตั้งของ YPG ที่ตกเป็นเป้าหมายถูกโจมตีไปแล้ว 153 เป้าหมาย ซึ่งก็รวมถึงจุดหลบภัยและโกดังอาวุธต่างๆ ด้วย
สำนักข่าวอนาโดลู ของทางการตุรกีรายงานว่า กองทหารตุรกีจำนวนที่ไม่มีการระบุ กำลังบุกคืบหน้าเคียงข้างกำลังจากกองกำลังอาวุธ “ฟรี ซีเรียน อาร์มี” (FSA) ซึ่งเป็นพวกกบฎซีเรียที่ฝักใฝ่อังการา และเวลานี้รุกเข้าไปข้างในซีเรียได้แล้ว 5 กิโลเมตร
สำหรับประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน ของตุรกี ได้ออกมากล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการรุกครั้งนี้เป็นครั้งแรกในวันอาทิตย์ (21) โดยแสดงความหวังว่า “ยุทธการนี้จะสิ้นสุดลงได้ในระยะเวลาที่สั้นมากๆ” พร้อมกับคุยว่า “เราจะไม่มีการถอยหลังกลับ”
หลังจากที่มีนักการเมืองตุรกีเชื้อสายเคิร์ดบางรายออกมาเรียกร้องให้ประชาชนออกมาประท้วงรัฐบาลตามท้องถนน แอร์โดอันได้กล่าวเตือนว่าใครก็ตามที่ประท้วงตุรกีในปฏิบัติการคราวนี้ จะต้องจ่ายค่าตอบแทน “ในราคาแพงลิ่ว”
บุกเข้าซีเรียรอบที่สอง
ยุทธการคราวนี้คือการบุกเข้าซีเรียครั้งใหญ่เป็นรอบที่ 2 ระหว่างสงครามกลางเมืองในซีเรียซึ่งดำเนินมาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว โดยในครั้งแรกคือช่วงเดือนสิงหาคม 2016 ถึงเดือนมีนาคม 2017 ที่ใช้ชื่อว่ายุทธการ “ยูเฟรติส ชีลด์” ซึ่งกองทหารตุรกีและกองกำลัง FSA เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของอัฟริน โดยมุ่งปราบปรามทั้ง YPG และพวกไอเอส
กองทัพตุรกีแถลงว่า ในยุทธการล่าสุดนี้ยังคงถือไอเอสเป็นเป้าหมายเช่นกัน ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วพวกนักรบญิฮาดกลุ่มนี้ไม่ได้มีการปรากฏตัวที่สำคัญใดๆ ในพื้นที่อัฟรินแล้ว
แอร์โดอันคุยซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ตุรกีจะถอนรากถอนโคน “รังของการก่อการร้าย” ในซีเรียของ YPG ซึ่งอังการากล่าวหาว่ากำลังเป็นสาขาในซีเรียของพรรคเคอร์ดิสถาน เวิร์กเกอร์ ปาร์ตี้ (PKK)
PKK ซึ่งจับอาวุธก่อกบฎในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกีมาเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ถูกประทับตราว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ไม่เพียงจากอังการาเท่านั้น หากแต่ยังจากพวกพันธมิตรตะวันตกอีกด้วย
สำหรับอัฟกริน เป็นดินแดนขนาดเล็กและโดดเดี่ยวซึ่งอยู่ในความควบคุมของ YPG โดยถูกตัดขาดจากพื้นที่อีกผืนหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ในภาคเหนือซีเรียซึ่งกลุ่มนี้ควบคุมอยู่เช่นกัน พื้นที่ผืนหลังนี้อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกและขยายยืดไปจนจรดพรมแดนอิรัก ตุรกีนั้นต้องการให้ YPG ถอยออกไปอยู่เฉพาะทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติส
โดยที่รายงานข่าวอ้างคำพูดของนายกรัฐมนตรียิลดิริมกล่าวว่า กองทหารตุรกีมีจุดมุ่งหมายที่จะจัดตั้งเขตความมั่นคงขึ้นมาให้อยู่ลึกจากชายแดนติดตุรกีเข้าไปภายในซีเรียเป็นระยะทางราว 30 กิโลเมตร
ทางด้าน YPG แถลงว่า ภายหลังตุรกีถล่มโจมตีครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ (20) ได้มีผู้ถูกสังหารไป 10 คนในจำนวนนี้เป็นพลเรือน 7 คน ขณะที่กองทัพตุรกีบอกว่ามีผู้บาดเจ็บล้มตาย แต่ยืนกรานว่าทั้งหมดถ้าไม่ใช่สมาชิกของ YPG ก็เป็นพวก PKK
โฆษกคนหนึ่งของ YPG อ้างด้วยว่า กองทหารตุรกีได้พยายามบุกเข้าอัฟริน “แต่เราสามารถสกัดกั้นการโจมตีได้”
ในสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับตุรกี ได้มีจรวด 4 ลูกที่พวก YPG เป็นผู้ยิง ตกลงไปในเขตเมืองชายแดนชื่อคิลิส ตอนเช้าวันอาทิตย์ (21) ทำให้อาคารหลังหนึ่งได้รับความเสียหาย และผู้หญิงคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส
ได้ไฟเขียวจากรัสเซียหรือเปล่า?
การปฏิบัติการของตุรกีในซีเรียคราวนี้ ถือว่ามีความเสี่ยงเหมือนๆ กับการเดินเข้าสู่สนามกับระเบิดทางการทูต และกระทรวงการต่างประเทศในอังการาก็ไม่รีรอที่จะเชื้อเชิญเอกอัครราชทูตของชาติมหาอำนาจสำคัญทั้งหลายมารับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการรุกคราวนี้
ทางกระทรวงแถลงว่า ได้แจ้งให้กรุงดามัสกัสทราบเรื่องนี้แล้วโดยผ่านสถานกงสุลของซีเรียในเมืองอิสตันบูลของตุรกี ทว่ารัฐบาลซีเรียซึ่งมีปัญหาไม่ลงรอยกับตุรกีอยู่แล้ว ได้ปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าไม่มีเรื่องเช่นนี้ รวมทั้งประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรียยังกล่าวประณามการรุกคราวนี้ว่า คือ “การให้ความสนับสนุนแก่การก่อการร้าย”
ในเฉพาะหน้านี้ยังไม่มีความเห็นใดๆ ออกมาจากสหรัฐฯ แต่ก่อนหน้าที่ตุรกีจะเริ่มการรุกโจมตีนั้น เจ้าหน้าที่อาวุโสผู้หนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้แสดงความเป็นห่วงว่า มีความเสียงที่จะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงในภูมิภาค
ปาร์ลี รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศสกล่าวว่า การสู้รบ “จะต้องยุติลง” เนื่องจากอาจเป็นการก่อกวนที่อาจทำให้พวกนักรบ YPG เปลี่ยนใจ ขณะที่นักรบเหล่านี้กำลังช่วยเหลือพันธมิตรนานาชาติในการปราบปรามไอเอสอยู่
“สิ่งที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกของเราคือการสู้รบปราบปรามลัทธิก่อการร้าย” ปาร์ลี บอก
เรื่องที่เห็นกันว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือท่าทีของรัสเซีย ซึ่งมีกำลังทหารอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้น อีกทั้งกำลังทำงานกับตุรกีในการผลักดันกระบวนการสันติภาพเพื่อยุติสงครามกลางเมืองในซีเรีย
ปรากฏว่ากระทรวงการต่างประเทศแดนหมีขาวได้แถลงแสดงความเป็นห่วงพร้อมเรียกร้องตุรกีให้แสดงความอดทนอดกลั้น ส่วนกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า ทหารของตนกำลังถอนตัวออกจากพื้นที่อัฟริน เพื่อเป็นการรับประกันความปลอดภัยของทหารเหล่านี้ และป้องกันไม่ให้เกิด “การยั่วยุ” ใดๆ ขึ้นมา
ติมูร์ อัคเมตอฟ นักวิจัยที่ตั้งฐานอยู่ในอังการาของ รัสเซียน อินเตอร์เนชั่นแนล แอฟแฟร์ส เคาน์ซิล ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า รัสเซียดูเหมือนได้ให้ “ไฟเขียว” การปฏิบัติการของตุรกีคราวนี้ แต่ก็พูดอย่างชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ควรนำไปสู่ภาวะไร้เสถียรภาพในพื้นที่อื่นๆ


