เอเจนซีส์/เอพี - นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นชินโซ อาเบะออกเดินทางทัวร์ยุโรปตะวันออกและบอลติก 6 ชาติ เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย บัลแกเรีย เซอร์เบีย และโรมาเนีย เริ่มตั้งแต่วันศุกร์(12 ม.ค) ก่อนหน้า เปิดฉากกระชับความสัมพันธ์การค้าและการทูตกับชาติยุโรป พร้อมหาแนวร่วมกดดันเกาหลีเหนือไปในตัว ล่าสุดวานนี้(15 ม.ค)อาเบะกลายเป็นผู้นำแดนอาทิตย์อุทัยคนแรกในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี 1987 เยือนเซอร์เบียอย่างเป็นทางการหลังยูโกสลาเวียล่มสลาย
สื่อเรดิโอฟรียุโรปรายงานวันนี้(16 ม.ค)ว่า นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ กลายเป็นผู้นำญี่ปุ่นคนแรกเดินทางมาถึงกรุงเบลเกรด เซอร์เบีย นับตั้งแต่ยูโกสลาเวียล่มสลาย ซึ่งอาเบะที่มาพร้อมกับบรรดาผู้นำกลุ่มนักธุรกิจแดนอาทิตย์อุทัยจำนวนหลายสิบชีวิต เข้าพบกับประธานาธิบดีเซอร์เบีย อเล็คซานดาร์ วูซิค(Aleksandar Vucic)ในพิธีต้อนรับเมื่อวันจันทร์(15)
และนอกจากนี้ผู้นำญี่ปุ่นยังมีกำหนดการเข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีเซอร์เบียที่เป็นผู้หญิงและเพศทางเลือกคนแรก อานา เบรอนาบิค(Ana Brnabic) และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆหลังจากนั้น
ซึ่งทางอาเบะได้กล่าวยกย่องเซอร์เบียว่า “ถือเป็นกุญแจสำคัญของเสถียรภาพในบอลข่านตะวันตก”
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีอาเบะยังกล่าวต่อว่า เป้าหมายการมาเยือนอย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า และขยายการทูตญี่ปุ่นมาสู่ยุโรป ซึ่งสื่อแชเนลนิวส์เอเชียได้รายงานถึงการทัวร์ยุโรปตะวันออก 6 ชาติ เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย บัลแกเรีย เซอร์เบีย และโรมาเนีย เริ่มตั้งแต่วันศุกร์(12 ม.ค) ก่อนหน้าว่า อาะเบมีจุดประสงค์ต้องการหาเสียงชาติยุโรปเพื่อกดดันเกาหลีเหนือ
โดยในการเยือนกรุงโซเฟีย บัลแกเรียวันอาทิตย์(14) อาเบะได้กล่าวอย่างชัดเจนถึงปัญหาเกาหลีเหนือว่า “ในช่วงระหว่างการหารือในวันนี้ พวกเราได้ปรึกษาหารือถึงสถานการณ์ความมั่นคงที่มักอยู่ในสถานะที่เสื่อมทรามเสมอในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเราได้ตกลงร่วมกันนายกรัฐมนตรีบัลแกเรีย บอยโก บอริซอฟ(Boyko Borisov) เกี่ยวกับความสำคัญต่อการร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อปัญหาเกาหลีเหนือ”
ทั้งนี้พบว่า บัลแกเรียมีกำหนดรับทำหน้าที่เป็นประธานสหภาพยุโรปเป็นเวลาอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยเป็นการรับไม้ต่อจากเอสโตเนีย ซึ่งเป็นประเทศแรกที่อาเบะได้ไปเยือนตั้งแต่วันศุกร์(12)
ซึ่งทางบอริซอฟตอบกลับอาเบะมาว่า “ทางเราประณามพฤติกรรมของเกาหลีเหนืออย่างเจาะจงถึงความพยายามในโครงการทดสอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์” และเสริมว่า “ปัญหาทุกอย่างต้องได้รับการแก้ไขไปในทางสันติภาพ อยู่บนโต๊ะเจรจาเท่านั้น”
แชเนลนิวส์เอเชียชี้ว่า ถึงแม้ล่าสุดความตรึงเครียดระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือจะเริ่มคลี่คลายลง แต่กระนั้นผู้นำญี่ปุ่นยังเลือกที่จะใช้โอกาสในการเยือน 6 ประเทศบอลข่านและบอลติกในการตอกย้ำปัญหาเกาหลีเหนือ เพื่อเปิดกระเด็นหาแนวร่วมในการสร้างแรงกดดันอันเป็นแนวทางสายเหยี่ยวของชินโซ อาเบะที่ได้เคยประกาศว่า ***โครงการพัฒนาอาวุธมิสไซล์และนิวเคลียร์ของประธานาธิบดีคิม จองอึนเป็นภัยต่อเสถียรภาพโลก***
นอกจากนี้ผู้นำญี่ปุ่นยังคงต้องการสร้างแรงกดดันต่อ “ทางแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว” ในประเด็นพลเมืองแดนอาทิตย์อาทิตย์อุทัยถูกเปียงยางลักพาตัวในช่วงยุค 70 -80 ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในอาชีพการเมืองของอาเบะทีเดียว โดยพบว่าความคืบหน้าถูกหยุดลงอีกครั้งนับตั้งแต่พลเมืองญี่ปุ่น 5 คนจากทั้งหมด 13 คนสามารถได้รับโอกาสเดินทางกลับประเทศในปี 2002 ซึ่งทางผู้นำญี่ปุ่นได้ส่งสัญญาณแรงว่า เขาต้องการได้รับการสนับสนุนจากทางอียูเพื่อนำไปสู่ทางออกในที่สุด
ทั้งนี้ในการมาเยือนกรุงโซเฟีย พบว่าคณะตัวแทนนักธุรกิจญี่ปุ่นร่วม 30 คนเดินทางมาพร้อมอาเบะ และทางผู้นำญี่ปุ่นได้มีการตกลงในการจัดการประชุมฟอรัมประจำปีเพื่อสนับสนุนการลงทุนของญี่ปุ่นในภูมิภาค และขยายโครงการความริเริ่มทางธุรกิจมายังคาบสมุทรบอลข่าน
ซึ่งผู้นำบัลแกเรียได้เปิดประเด็นไปถึงภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิก การผลิตรถยนต์ การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและการเกษตร เป็นภาคส่วนที่ทั้ง 2 ชาติจะร่วมมือ และนอกจากนี้บัลแกเรียยังให้คำมั่นจะเร่งรัดในกระบวนการให้สัตยาบรรณข้อตกลงการค้าเสรีที่ได้มีการบรรลุตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการลงทุนและการค้าระหว่างญี่ปุ่นและยุโรป
สื่อแชเนลนิวส์เอเชียชี้ว่า สำหรับลิทัวเนีย ในวันอาทิตย์(14)นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนอนุสรณ์สถานนักการทูตญี่ปุ่นที่ได้ช่วยชีวิตชาวยุโรปเชื้อสายยิว 6,000 คน จากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสมัยนาซีเยอรมันด้วยการออกวีซ่าจากประเทศลิทัวเนียที่อยู่ในระหว่างสงครามให้คนเหล่านั้นสามารถหลบมาอยู่ที่ญี่ปุ่นได้ ถือเป็นการกระทำที่ท้าท้ายต่อผู้มีอำนาจในกรุงโตเกียวในเวลานั้น
โดยอนุสรณ์สถานแห่งนี้ตั้งอยู่บนตึกขนาด 2 ชั้นซึ่งเป็นสถานที่สำหรับเชิดชูเกียร์ติ ชิอุเนะ ซุงิฮะระ (Sugihara Chiune )รองกงสุลญี่ปุ่นที่ประจำสถานทูตจักรวรรดิญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองเคานัส (Kaunas)ของลิทัวเนีย ซึ่งทางอาเบะได้กล่าวยกย่องว่า “ความกล้หาญด้านมนุษยธรรมของคุณซุงิฮะระนั้นเป็นที่ประทับใจเป็นอย่างมากไปทั่วโลก” และเสริมว่าเป็นการทำงานด้านการทูตที่พร้อมไปกับความเชื่อมั่นอย่างสูงและความปราถนาอันแรงกล้า
โดยนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะกล่าวว่า “ผมมีความภาคภูมิใจในตัวเขามากในฐานะที่เป็นชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง”
และในวันเสาร์(13) บลูมเบิร์กรายงานว่า ในการเยือนลัตเวีย นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ออกมาเรียกร้องความร่วมมือในการกดดันเกาหลีเหนือ เพื่อผ่าทางตันต่อปัญหาวิกฤตการทดสอบอาวุธมิสไซล์และนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่ในเวลานี้ถูกโดดเดี่ยวไปทั่วโลก
โดยในแถลงการณ์ของอาเบะที่กล่าวในวันเสาร์(13)หลังจากได้เข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีลัตเวีย มาริส คุซินสกิส( Maris Kucinskis ) ว่า “ในขณะที่การจัดระเบียบโลกที่อยู่ภายใต้หลักการความเป็นนิติรัฐนั้นถูกท้าทาย ชาติของเราทั้งสองเห็นควรที่ต้องหันหน้ามาร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาและทำให้ระบบมีความแข็งแกร่ง”
ทั้งนี้พบว่าทั้งอาเบะและผู้นำลัตเวียต่างตกลงถึงความสำคัญในการเพิ่มความกดดันต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งทางญี่ปุ่นชี้ว่า การบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาตินั้นเป็นกุญแจในการเพิ่มแรงกดดันและแก้ปัญหาเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ทางฝ่ายญี่ปุ่นยังได้เร่งรัดให้มีการเร่งการให้สัตยาบรรณข้อตกลงทางการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นที่ได้มีการร่วมลงนามในเดือนธันวาคมล่าสุด ซึ่งยังต้องการได้รับแรงสนับสนุนจากบรรดาชาติสมาชิกอียู
ทั้งนี้สำหรับชาติแรกในยุโรปที่อาเบะเดินทางไปถึง เอพีรายงานในวันศุกร์(12)ว่าคือ เอสโตเนีย ประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซีย ที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับฟินแลนด์ โดยพบว่าผู้นำญี่ปุ่นเดืนทางมาถึงกรุงทาลลินน์ในวันศุกร์( 12) ซึ่งการเยือนเอสโตเนีย ญี่ปุ่นต้องการถกประเด็นปัญหาด้านข้อมูลและอาชญากรรมบนโลกไซเบอร์เป็นหลัก
ซึ่งหลังจากการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีเอสโตเนีย จูรี ราตัส(Juri Ratas) เขากล่าวว่า ผู้นำทั้ง 2 ชาติต่างตกลงเห็นด้วยในปัญหาภัยคุกคามจากโครงการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งทางอาเบะได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกเพิ่มความกดดันขั้นสูงสุดต่อเปียงยาง เอพีชี้
นอกจากนี้ในการเยือนเอสโตเนีย ผู้นำญี่ปุ่นยังได้ประกาศว่า ญี่ปุ่นจะเข้าร่วมศูนย์ต่อต้านทางไซเบอร์ของนาโตในกรุงทาลลินน์เพื่อศักยภาพในการต่อต้านภัยคุกคามทางระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
และในการมาเยือนเอสโตเนีย นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ยังได้มีโอกาสเข้าหารือกับประธานาธิบดีเอสโตเนีย เคอร์สตี คาลจูเลด(Kersti Kaljulaid) ในการหารือด้านความสำพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น และความสัมพันธ์ทางการค้าระดับทวิภาคีของทั้ง 2 ชาติ
