เอเจนซีส์ – เกิดเหตุชั้นลอยในอาคารตลาดหุ้นที่กรุงจาการ์ตาพังถล่มลงมาในวันจันทร์ (15 ม.ค.) ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 70 ราย อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการตลาดหุ้นยืนยันว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ขณะที่ตำรวจจาการ์ตาตัดประเด็นการลอบวางระเบิดทิ้ง
อาร์โก ยูโวโน โฆษกสำนักงานตำรวจจาการ์ตา แถลงว่า บริเวณชั้นลอยของอาคาร 2 ในคอมเพล็กซ์ดังกล่าวถล่มลงมาเมื่อเวลา 11.55 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นช่วงพักกลางวัน และระหว่างนั้นมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเยี่ยมชมตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดสามารถเปิดซื้อขายอีกครั้งตามเวลาปกติ 13.30 น.
ตำรวจได้สั่งปิดคอมเพล็กซ์ที่เกิดเหตุ ขณะที่ผู้คนอพยพออกจากอาคาร และมีการนำเปลหามเข้าไปขนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งรวมถึงนักศึกษา เพื่อนำส่งโรงพยาบาล ส่วนทางด้าน ติโต ซูลิสโต ผู้อำนวยการตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย ยืนยันว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้
ยูโวโนแถลงเพิ่มเติมว่า คนเจ็บส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บที่แขนและขา แต่เขาไม่ได้ยืนยันจำนวนผู้บาดเจ็บที่แน่นอน อย่างไรก็ตาม มีรายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บจากโรงพยาบาลหลายแห่งรวมทั้งสิ้น 77 ราย
ภาพข่าวทางทีวีเผยให้เห็นผู้คนกรีดร้องและแตกตื่น ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามอพยพคนออกจากบริเวณดังกล่าวที่เต็มไปด้วยซากหักพัง ขณะเดียวกัน ภาพที่แชร์กันบนโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นโครงสร้างโลหะบิดเบี้ยวที่ถล่มลงมารอบร้านสตาร์บัคส์ที่ตั้งอยู่ใกล้ทางเข้าล็อบบี้
เมกา คาปูร์ คนที่ทำงานอยู่ในตึกดังกล่าวและอยู่บริเวณล็อบบี้ขณะเกิดเหตุ เล่าว่า แท่งคอนกรีตเริ่มหล่นลงมาตามด้วยฝุ่นคละคลุ้ง ท่อน้ำแตก เธอบอกว่า เห็นผู้หญิงคนหนึ่งหมดสติอยู่ใต้แท่งคอนกรีต ชั้นลอยที่ถล่มลงมาอยู่เหนือโต๊ะพนักงานต้อนรับเพียงนิดเดียว ขณะเกิดเหตุ มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งอยู่บนชั้นลอย
ตลาดหุ้นอินโดนีเซียตั้งอยู่กลางกรุงจาการ์ตา ในคอมเพล็กซ์แห่งนั้นยังมีสำนักงานท้องถิ่นของธนาคารโลกตั้งอยู่บนชั้น 12 อาคารที่เกิดเหตุเป็น 1 ใน 2 อาคารของคอมเพล็กซ์ดังกล่าว ที่เคยเป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายของกลุ่มอิสลามมิสต์เมื่อเดือนกันยายน 2000 แต่สำหรับเหตุการณ์นี้ ตำรวจไม่เชื่อว่า มีการลอบวางระเบิด
คอมเพล็กซ์ตลาดหุ้นประกอบด้วยอาคาร 32 ชั้นสองอาคาร โดยอาคาร 1 ซึ่งไม่ได้รับความเสียหายใดๆ สร้างเสร็จในปี 1994 ส่วนอาคาร 2 ที่ได้รับความเสียหาย สร้างเสร็จเมื่อปี 1998
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด เพิ่งเยี่ยมชมตลาดหุ้นในวันซื้อขายวันสุดท้ายของปี 2017 ซึ่งถือเป็นการเยี่ยมชมครั้งที่ 3 ในรอบ 6 เดือน