รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ข้อความเตือนภัยโจมตีขีปนาวุธถูกส่งออกไปให้ชาวฮาวายวันเสาร์ (13 ม.ค.) ให้รับรู้ว่า “ขีปนาวุธกำลังมุ่งหน้ามายังรัฐฮาวาย” ประกาศเตือนให้ประชาชนหาที่หลบภัยทันที คนบนเกาะรับรู้หากเป็นเรื่องจริง ทุกคนมีเวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้นก่อนที่ขีปนาวุธจะถึงพื้น แต่โชคดีอีก 30 นาทีหลังจากนั้น มีข้อความใหม่ส่งออกมาชี้เป็นการส่งข้อความผิดพลาด ด้านผู้ว่าฯ รัฐฮาวายยอมรับปนเศร้า เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดการความปลอดภัยฉุกเฉินกดปุ่มผิด
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (14 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ระดับรัฐและเจ้าหน้าทีกองบับญาชาการแปซิฟิกของกองทัพสหรัฐฯออกมายืนยันตรงกันว่า ***ไม่มีภัยคุกคามเกิดขึ้นต่อรัฐฮาวาย*** แต่ทว่ารอยเตอร์ชี้ว่า ทางเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงที่ทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะแก้ไขเพื่อยกเลิกการประกาศเตือน ท่ามกลางบรรดาประชาชรัฐฮาวายต่างเร่งหาที่หลบภัย
ทั้งนี้ ข้อความเตือนรัฐฮาวายถูกขีปนาวุธโจมตีมีใจความด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดว่า “เตือนภัยฉุกเฉิน ภัยขีปนาวุธกำลังมุ่งหน้ามายังรัฐฮาวาย หาที่หลบภัยด่วน นี่ไม่ใช่การซ้อม”
ข้อความเตือนภัยที่ว่าถูกส่งออกไปทางโทรศัพท์มือถือ และออกประกาศทางโทรทัศน์ รวมไปถึงทางวิทยุไม่นานหลังจากเวลา 08.00 น.ของวันเสาร์ (13 ม.ค.) ไปแล้ว ถูกส่งออกไปท่ามกลางสถานการณ์ที่ตรึงเครียดที่ทางเกาหลีเหนือมีความก้าวหน้าในการพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์
เดอะการ์เดียนรายงานเพิ่มเติมว่า ประชาชนในรัฐฮาวายทราบดีว่า หากทางรัฐถูกขีปนาวุธโจมตีจริง ประชาชนจะมีเวลาไม่มากนักเพื่อหาที่หลบภัย โดยแอชลี แทรสก์ (Ashly Trask) วัย 39 ปี ที่อาศัยบนเกาะคาไว (Kauai) ซึ่งอาศัยอยู่กับมารดา บุตรชายวัย15 ปี บุตรสาววัย 2 ปี และคู่ชีวิต ต้องนำทุกคนเข้าไปในรถทันที และออกรถไปที่ทำงานของบุตรชายอีกคนเพื่อรับตัว และพาทุกคนหลบไปยังที่ทำงานของเธอที่สวนพฤษศาสตร์ ซึ่งมีอาคารที่ทนทานซึ่งเคยถูกใช้เป็นที่หลบภัยพายุเฮอริเคน
โดยเธอกล่าวว่า “มันเป็นเหมือนพื้นที่แตกตื่นไปทั่ว” และกล่าวต่อว่า “ทุกคนรู้ดีว่ามีเวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้นจนกระทั่งจุดระเบิด แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะตกตรงไหน”
และเธอกล่าวว่า “ทุกคนมีแผน” และกล่าวต่อว่า “มันดูเหมือนจริงเอามากๆ”
ทั้งนี้สมาชิกครอบครัวอื่นๆ นั้นอาศัยอยู่อีกด้านของเกาะที่ไกลเกินกว่าที่จะสามารถขับไปรับเพื่อมาหลบภัยที่สวนพฤกษศาสตร์ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ได้
โดยแทรสก์กล่าวด้วยความอัพดอั้นตันใจว่า “พวกเขาโทรศัพท์มาหาและร้องไห้ เพราะรู้ดีว่าคงมาไม่ทันที่สวนแห่งนี้ได้ทัน”
ในขณะที่โอวาฮูตะวันตก (Western Oahu) มีรายงานว่า ประชาชนที่ได้รับข่าวสารต่างแตกตื่นวิ่งออกไปบนถนน อ้างอิงจากพยาน และมีบางส่วนวิ่งไปหลบที่ชั้นใต้ดินของอาคารจอดรถ ซึ่งภายในประชาชนที่เข้าไปหลบภัยต่างร้องไห้อย่างเสียขวัญในขณะที่เด็กๆ ต่างเบียดเสียดม้วนตัวขดเหมือนม้วนผ้าด้วยความกลัว
และเหตุการณ์แตกตื่นทั่วทั้งรัฐฮาวายสิ้นสุดลงเมื่อ 30 นาทีผ่านไป โดยรอยเตอร์ชี้ว่า ผู้ว่าการรัฐฮาวาย เดวิด อิเก (David Ige) กล่าวผ่านการแถลงต่อสื่อว่า เขา “โกรธเป็นอย่างมากและผิดหวังเป็นที่สุด” ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ขออภัยต่อความผิดพลาด และยืนยันว่าทางรัฐจะออกมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งอย่างแน่นอน
“สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถรับได้โดยสิ้นเชิง” ผู้ว่าการรัฐฮาวายจากรัฐเดโมแครตกล่าว
ทั้งนี้ อ้างอิงจากอีเกพบว่า ความผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างการเปลี่ยนกะของเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดการฉุกเฉินรัฐฮาวาย และทางรัฐไม่มีระบบที่จะสามารถนำคำเตือนออกไปได้ทันทีเพื่อจะชี้ว่า “เป็นการเตือนภัยที่ผิดพลาด” ซึ่งทางเวิร์น มิยากิ (Vern Miyagi) ผู้อำนวยการหน่วยงานชี้ว่า “เป็นความผิดพลาดจากน้ำมือมนุษย์”
ผู้ว่าการรัฐฮาวายยอมรับว่า “เจ้าหน้าที่กดปุ่มผิด”
มิยากิออกมายอมรับ สอดคล้องกับการเปิดเผยของประชาชนชาวฮาวายว่า ประชาชนมีเวลาแค่ 12-13 นาทีเท่านั้นก่อนที่ขีปนาวุธจะเข้าโจมตีจริง แต่ในแถลงการณ์ทางผู้อำนวยการสำนักงานจัดการฉุกเฉินปฏิเสธที่จะกล่าวถึงโทษที่จะมีขึ้นต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานผิดพลาดจนเกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งรัฐ
ซึ่งทางมิยากิยืนยันว่า ทางสำนักงานมีตารางการทดสอบการระบบเตือนภัยฉุกเฉิน และทางเจ้าหน้าที่ซึ่งกดปุ่มผิดคิดว่า เขากำลังทำการทดสอบระบบเตือนภัย และไม่คิดว่าตัวเองได้ส่งการเตือนภัยโจมตีออกไปสู่สาธารณะที่มีกระบวนการ 2 ขั้นตอนทางคอมพิวเตอร์ จนกระทั่งตัวเจ้าหน้าที่คนนั้นได้รับข้อความการเตือนภัยถูกขีปนาวุธโจมตีทางโทรศัพท์มือถือของตัวเองในไม่กี่นาทีหลังจากนั้น
ด้านอิเกชี้ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ส่งข้อความผิดพลาด ทางสำนักงานจัดการฉุกเฉินฮาวายได้ออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงระบบจัดการ โดยออกคำสั่งให้ต้องมีเจ้าหน้าที่ 2 คน ไม่ใช่แค่ 1 คน ในการที่จะสามารถส่งข้อความเตือนภัยการถูกโจมตีออกไปสู่สาธารณะในอนาคต โดยผู้ว่าการรัฐชี้ว่า กะการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่นั้น 1 วันมีการเปลี่ยนกะ 3 ครั้งทุกวันตลอดทั้งปี
เดอะการ์เดียนรายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับทราบเหตุการณ์ของสถานการณ์ซ้อมฉุกเฉินของทางรัฐฮาวายแล้ว
