พิธีกรหญิงผิวสีชื่อดัง “โอปราห์ วินฟรีย์” กลายเป็นที่กล่าวขวัญในสื่อทั่วโลกสัปดาห์นี้ หลังจากที่เธอได้กล่าวสุนทรพจน์อันทรงพลังในเวทีลูกโลกทองคำครั้งที่ 75 จนจุดกระแสเรียกร้องจากบรรดาชาวเน็ตในสหรัฐฯ ให้เธอลงชิงชัยแข่งกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งปี 2020 เสียเลย และแม้นักวิเคราะห์บางคนจะเชื่อว่า วินฟรีย์ มีโอกาสอยู่ในมือ แต่หลายคนยังอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าชาวอเมริกันจะ “เอาจริงหรือ?” กับการเลือกบุคคลผู้มีชื่อเสียงแต่ไร้ประสบการณ์ทางการเมืองมาเป็นผู้นำประเทศอีกคน
ประธานาธิบดี ทรัมป์ รีบออกมาคุยข่มในวันอังคาร (9 ม.ค.) ว่าจะเอาชนะ วินฟรีย์ ในศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีได้อย่างแน่นอน แต่ยังสงสัยว่าเธอจะลงสมัครจริงหรือไม่ ขณะที่เพื่อนคนสนิทของพิธีกรหญิงคนดังแย้มถึงความเป็นไปได้ที่ วินฟรีย์ จะลงชิงชัย แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างแน่นอน
ข่าวลือเกี่ยวกับการเสนอตัวชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวของ วินฟรีย์ วัย 63 ปี โหมกระพือขึ้นบนสื่อสังคมออนไลน์และสื่อมวลชนหลายสำนัก หลังจากที่เธอกลายเป็นสตรีผิวสีคนแรกที่ได้รับรางวัลเกียรติยศ เซซิล บี. เดอมิลล์ เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ (7) และได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศและความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติ
วาทะอันคมคายและทรงพลังของเธอในวันนั้นได้รับเสียงชื่นชมว่าไม่ต่างอะไรกับการปราศรัยหาเสียงเลยทีเดียว ขณะที่บนโลกโซเชียลมีผู้คนมากมายแห่โพสต์ข้อความโดยติดแฮชแท็ก #Oprahforpresident และ #Oprah2020
วินฟรีย์ ซึ่งสวมชุดสีดำสนิทเพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ ได้กล่าวโปรโมตสโลแกนTime’s Up ซึ่งหมายถึง “หมดเวลาแล้ว” (สำหรับผู้ล่วงละเมิด) และสนับสนุนผู้ที่ออกมาเปิดโปงพฤติกรรมฉกฉวยประโยชน์ทางเพศทั้งในแวดวงฮอลลีวูด การเมือง และสื่อมวลชน
วินฟรีย์ กล่าวบนเวทีว่า “ขอให้เราทุกคนตื่นมาเจอเช้าวันใหม่ที่สดใสยิ่งกว่า แม้จะต้องผ่านค่ำคืนที่มืดมนที่สุดก็ตาม... นานเกินไปแล้วที่ผู้หญิงไม่เคยถูกรับฟัง และไม่ได้รับการเชื่อถือเมื่อพวกเธอออกมาเผยความจริงเพื่อสู้กับอำนาจของผู้ชาย แต่เวลาเช่นนั้นได้หมดลงแล้ว”
“ดิฉันขอใช้ค่ำคืนนี้ขอบคุณผู้หญิงทุกคนที่อดทนกับการถูกทำร้ายและล่วงละเมิดมาตลอดหลายปี เพียงเพราะพวกเธอ... ก็เหมือนกับแม่ของดิฉัน... ที่มีลูกๆ ต้องเลี้ยงดู มีภาระค่าใช้จ่าย และมีความฝันที่ต้องไล่ตาม”
ท็อดด์ กรอสส์แมน จากบริษัทวิเคราะห์สื่อสังคมออนไลน์ทอล์กวอล์กเกอร์ (Talkwalker) ระบุว่า สุนทรพจน์ 9 นาทีของ วินฟรีย์ สร้างความประทับใจจนผู้คนในฮอลลีวูดต้องลุกขึ้นยืนปรบมือถึง 2 ครั้ง ขณะที่โลกโซเชียลมีการโพสต์ข้อความที่เอ่ยถึง “โอปราห์” และ “ประธานาธิบดี” กว่า 220,000 ครั้งในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
ด้านนักวิเคราะห์การเมืองชี้ว่า หลังจากที่ ทรัมป์ ใช้ความเป็นดาราเรียลลิตีโชว์คว้าตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ในปี 2016 ก็อาจไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนักสำหรับ วินฟรีย์ ซึ่งเป็นทั้งนักแสดง ผู้ผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ และยังมีช่องเคเบิล OWN เป็นของตัวเอง
วินฟรีย์ เติบโตมากับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีฐานะยากจน ก่อนจะไต่เต้าสู่เส้นทางสายบันเทิงจนกลายเป็นพิธีกรรายการทอล์กโชว์เรตติ้งสูงสุดอย่าง The Oprah Winfrey Show ซึ่งออกอากาศยาวนานถึง 25 ปี ก่อนจะปิดตัวลงในปี 2011
วินฟรีย์ มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มการเมืองและโครงการระดมทุนของพรรคเดโมแครต และแม้ว่าเธออาจจะต้องเผชิญคู่แข่งมากหน้าหลายตาในศึกเลือกตั้งไพรแมรีเพื่อคัดเลือกตัวแทนของพรรค แต่การมีเครือข่ายที่กว้างขวางก็น่าจะเพิ่มความได้เปรียบในด้านการระดมทุน โดยเฉพาะในฮอลลีวูดซึ่งเป็นเสมือน “เครื่องตอบรับอัตโนมัติ” ของผู้สมัครสายเดโมแครตอยู่แล้ว
อดีตพิธีกรคนดังมีมูลค่าทรัพย์สินรวมไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการประเมินโดยนิตยสารฟอร์บส ซึ่งทำให้เธอเป็นสตรีที่ร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของโลก และมีฐานะพอฟัดพอเหวี่ยงกับ ทรัมป์ ที่มีทรัพย์สินประมาณ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น การควักเงินส่วนตัวเพื่ออุดหนุนแคมเปญหาเสียงจึงไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับเธอ
อย่างไรก็ตาม ผู้สันทัดกรณีบนสื่อสังคมออนไลน์เริ่มออกมาเบรกกระแสความตื่นเต้นในหมู่แฟนคลับวินฟรีย์ โดยเตือนว่าคราวนี้พรรคเดโมแครตและประชาชนชาวสหรัฐฯ อาจปฏิเสธคนดังผู้ไร้ประสบการณ์ทางการเมือง หลังจากที่ได้ ทรัมป์ เป็นตัวอย่างมาแล้วคนหนึ่ง
ทรัมป์ วัย 71 ปี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังประชุมกับสมาชิกรัฐสภาที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร (9) ว่า “ผมชนะ โอปราห์ ได้แน่นอน มันคงจะน่าสนุก ผมรู้จักเธอดี ผมชอบโอปราห์นะ แต่ผมไม่คิดว่าเธอจะลงสมัครหรอก”
คำพูด ทรัมป์ สอดคล้องกับความเห็นของ เกล คิง ผู้ประกาศข่าวหญิงซีบีเอสซึ่งสนิทสนมกับ วินฟรีย์ เป็นพิเศษ โดย คิง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในวันเดียวกันว่า เธอไม่คิดว่า วินฟรีย์ จะเปลี่ยนจุดยืนในอดีต และคงไม่สนใจลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แม้จะรู้สึก “ตื่นเต้น” กับไอเดียดังกล่าวก็ตาม
เมื่อวันจันทร์ (8) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้อ้างคำพูดเพื่อนสนิท 2 คนของ วินฟรีย์ ซึ่งระบุว่า นักแสดงและโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์และภาพยนตร์รายนี้กำลังพิจารณาเรื่องการเสนอตัวชิงบัลลังก์ทำเนียบขาวอย่างจริงจัง
วินฟรีย์ เคยระดมเงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อช่วยงานสาธารณกุศล รวมถึงหาที่พักพิงให้แก่ผู้หญิงที่ถูกทำร้าย แต่เธอก็ไม่ต่างจาก ทรัมป์ ตรงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ไม่มีประสบการณ์ทำงานด้านการเมืองเลย
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ลงข้อความพาดหัวเมื่อเช้าวันอังคาร (9) ว่า “โนปราห์! เราจะต้องมีประธานาธิบดีที่เป็นเซเลบริตีอีกคนจริงๆ หรือ?” ขณะที่นักวิจารณ์จากเว็บไซต์นิตยสาร Slate ก็ตั้งคำถามคล้ายๆ กันว่า “โอปราห์? จริงหรือ?” พร้อมแสดงความเป็นห่วงแนวโน้มที่คนอเมริกันเริ่มเบื่อหน่ายนักการเมืองอาชีพ และหันไปเชียร์คนดังที่ไร้ประสบการณ์อย่าง ทรัมป์ หรือ วินฟรีย์ แทน
ฌอน สไปเซอร์ อดีตเลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนซึ่งเคยรับหน้าที่ชี้แจงประเด็นต่างๆ ให้กับรัฐบาลทรัมป์จนกระทั่งถูกบีบให้ลาออกเมื่อปีที่แล้ว ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนว่า วินฟรีย์ “ขาดโครงสร้างทางการเมือง” และคงจะปรับตัวให้เข้ากับบทบาทในทำเนียบขาวได้ยาก