รอยเตอร์ - โฆษกทำเนียบขาวระบุวานนี้ (8 ม.ค.) ว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยินดีที่จะเจอกับพิธีกรหญิงชื่อดัง โอปราห์ วินฟรีย์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2020 หลังสุนทรพจน์ของเธอบนเวทีลูกโลกทองคำครั้งที่ 75 จุดกระแสเชียร์จากบรรดาชาวเน็ตให้เธอเดินเข้าสู่สนามการเมือง
“เรายินดีรับคำท้า ไม่ว่าจะเป็น โอปราห์ วินฟรีย์ หรือผู้ท้าชิงคนไหนก็ตาม” โฮแกน กิดลีย์ โฆษกทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันขณะเดินทางไปที่เมืองแนชวิลล์เมื่อวานนี้ (8) “เรายินดีต้อนรับทุกคนที่จะเข้ามา”
วาทะของ วินฟรีย์ วัย 63 ปี ขณะขึ้นรับรางวัลเกียรติยศ เซซิล บี. เดอมิลล์ เมื่อค่ำวันอาทิตย์ (7) กลายเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียล และมีผู้คนมากมายแห่โพสต์ข้อความโดยติดแฮชแท็ก #Oprahforpresident และ #Oprah2020
รายงานของซีเอ็นเอ็นเมื่อวานนี้ (8) ระบุว่า วินฟรีย์ “คิดเรื่องการลงสมัครประธานาธิบดีอย่างจริงจัง” โดยอ้างข้อมูลจากเพื่อนสนิท 2 คนซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม แต่หนึ่งในนั้นย้ำว่าพิธีกรหญิงยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างแน่นอน
วินฟรีย์ เคยพูดไว้เมื่อนานมาแล้วว่าไม่สนใจลงสมัครประธานาธิบดี แต่หนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิสไทม์สฉบับวันอาทิตย์ (7) ได้อ้างคำพูดของ สเตดแมน เกรแฮม ซึ่งเป็นทั้งหุ้นส่วนธุรกิจและคู่ชีวิตของ วินฟรีย์ ว่า “มันขึ้นอยู่กับเสียงของประชาชน... เธอพร้อมที่จะทำแน่นอน”
วินฟรีย์ ซึ่งสวมชุดสีดำสนิทเพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ ได้กล่าวโปรโมตสโลแกนTime’s Up ซึ่งหมายถึง “หมดเวลาแล้ว” (สำหรับผู้ล่วงละเมิด) และสนับสนุนผู้ที่ออกมาเปิดโปงพฤติกรรมฉกฉวยประโยชน์ทางเพศทั้งในแวดวงฮอลลีวูด การเมือง และสื่อมวลชน
เชอร์รี เบบิตช์ เจฟฟ์ จากวิทยาลัยไพรซ์เพื่อนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ให้ความเห็นว่า “เธอมีโอกาสอยู่ในมือ บรรยากาศตอนนั้นไม่ต่างจากการรณรงค์หาเสียงเลย”
ท็อดด์ กรอสส์แมน จากบริษัทวิเคราะห์สื่อสังคมออนไลน์ทอล์กวอล์กเกอร์ (Talkwalker) ระบุว่า สุนทรพจน์ 9 นาทีของ วินฟรีย์ สร้างความประทับใจจนผู้คนในฮอลลีวูดต้องลุกขึ้นยืนปรบมือถึง 2 ครั้ง ขณะที่โลกโซเชียลมีการโพสต์ข้อความที่เอ่ยถึง “โอปราห์” และ “ประธานาธิบดี” กว่า 220,000 ครั้งในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
ด้านนักวิเคราะห์การเมืองชี้ว่า หลังจากที่ ทรัมป์ ใช้ความเป็นดาราเรียลลิตีโชว์คว้าตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ในปี 2016 ก็อาจไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนักสำหรับ วินฟรีย์ ซึ่งเป็นทั้งนักแสดง ผู้ผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ และยังมีช่องเคเบิล OWN เป็นของตัวเอง
วินฟรีย์ ซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มการเมืองและโครงการระดมทุนของพรรคเดโมแครตอาจต้องเผชิญคู่แข่งมากหน้าหลายตาในศึกเลือกตั้งไพรแมรี 2020 แต่เครือข่ายที่กว้างขวางของเธอน่าจะเพิ่มความได้เปรียบในด้านการระดมทุน โดยเฉพาะในฮอลลีวูดซึ่งเป็นเสมือน “เครื่องตอบรับอัตโนมัติ” ของผู้สมัครสายเดโมแครตอยู่แล้ว
“เธอมีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าที่ ทรัมป์ เคยเป็นเสียอีก โดยเฉพาะในแง่ของการเข้าถึงผู้ชม แน่นอนว่าเธอมีโอกาสอยู่ในมือแล้ว แต่เธอจะทำอย่างไรกับมันต่อไปล่ะ?” อลัน โชรเดอร์ อาจารย์ด้านวารสารศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์นในเมืองบอสตัน กล่าว
ความเป็นดาราของ ทรัมป์ ช่วยให้เขาสามารถปรากฏตัวผ่านสื่อฟรีๆ ได้มากกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ ในพรรครีพับลิกัน คณะทำงานของเขาใช้เงินทั้งสิ้น 343 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปกับการหาเสียงทั้งในศึกเลือกตั้งไพรแมรีและศึกชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดย ทรัมป์ ได้ออกเงินตัวเองสบทบไปอีก 47.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ฮิลลารี คลินตัน ซึ่งเป็นผู้สมัครคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ใช้งบหาเสียงไปทั้งสิ้น 585 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมเงินของเธอเองอีก 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
วินฟรีย์ เติบโตมากับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีฐานะยากจน ก่อนจะไต่เต้าสู่เส้นทางสายบันเทิงจนกลายเป็นพิธีกรรายการทอล์กโชว์เรตติ้งสูงสุดอย่าง The Oprah Winfrey Show ซึ่งออกอากาศนานถึง 25 ปี ก่อนจะปิดตัวลงในปี 2011
นิตยสารฟอร์บสประเมินมูลค่าทรัพย์สินของ วินฟรีย์ เอาไว้ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกับ ทรัมป์ ซึ่งมีทรัพย์สินราวๆ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ