รอยเตอร์ - สตีฟ แบนนอน อดีตที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันวานนี้ (7 ม.ค.) ว่าไม่เคยตำหนิบุตรชายคนโตของผู้นำสหรัฐฯ ด้วยถ้อยคำรุนแรงอย่างที่หนังสือเบสต์เซลเลอร์เล่มหนึ่งกล่าวอ้าง
หนังสือ “Fire and Fury: Inside the Trump White House” ของ ไมเคิล วูล์ฟ ที่เพิ่งออกใหม่และติดอันดับหนังสือขายดีในสหรัฐอเมริกาอ้างว่า แบนนอน ซึ่งลาออกจากทำเนียบขาวเมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้วเคยพูดว่า การที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ และหัวหน้าทีมหาเสียงของทรัมป์แอบพบปะกับคนของรัสเซียเมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2016 ถือว่าเข้าข่าย “ทรยศ” และ “ไม่รักชาติ”
ทรัมป์ ออกมาตอบโต้ทันทีว่า แบนนอน คง “เสียสติไปแล้ว” ที่พูดเช่นนั้น ขณะที่ทำเนียบขาวถึงกับยุให้เว็บสื่อขวาจัดบรีตบาร์ต (Breitbart) ถอด แบนนอน ออกจากตำแหน่งผู้บริหาร
อย่างไรก็ตาม แบนนอน ได้ออกคำแถลงล่าสุดเมื่อวานนี้ (7) โดยยืนยันว่าบุคคลที่ตนวิจารณ์คือ “พอล มานาฟอร์ต” อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงของทรัมป์ และไม่ได้มีเจตนาพุ่งเป้าไปที่บุตรชายประธานาธิบดีแม้แต่น้อย
“โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ เป็นทั้งคนดีและคนที่รักชาติบ้านเมือง เขาทำงานเพื่อบิดาอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย และผลักดันนโยบายที่จะช่วยพลิกฟื้นประเทศของเราให้ดียิ่งขึ้น”
“ผมเสียใจที่ออกมาตอบโต้รายงานที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ ดอน จูเนียร์ ช้าเกินไป และทำให้หลายคนถูกเบนความสนใจไปจากความสำเร็จตลอดระยะเวลา 1 ปีที่คุณ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี”
เรื่องราวที่ถูกเปิดโปงผ่านหนังสือของ วูล์ฟ กลายเป็นข่าวพาดหัวต่อเนื่องมานานหลายวัน จนทำเนียบขาวและบรรดาที่ปรึกษา ทรัมป์ ต้องหาวิธีแก้สถานการณ์ และดึงความสนใจของประชาชนกลับมาสู่นโยบายของ ทรัมป์ ในปี 2018 ก่อนจะถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอมในช่วงเดือน พ.ย.
เห็นได้ชัดว่า แบนนอน มีเจตนาแก้ตัวเพื่อรักษาตำแหน่งซีอีโอของบรีตบาร์ต ซึ่งเป็นสื่อที่เขาใช้ประโคมข่าวสนับสนุนผู้สมัครสายต่อต้านกลุ่มอำนาจเก่า (anti-establishment) เวลาจะมีการเลือกตั้งสภาคองเกรส
หนังสือเล่มใหม่ของ วูล์ฟ ยังวิจารณ์ ทรัมป์ ว่าเป็นพวกจิตใจแปรปรวน และขาดคุณสมบัติที่จะเป็นผู้กุมบังเหียนประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ
ทรัมป์ ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า แบนนอน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตนหรือรัฐบาลอีกต่อไป ซึ่งทำให้อดีตที่ปรึกษายุทธศาสตร์ผู้นี้ถูกกลุ่มอนุรักษนิยมในพรรครีพับลิกันหมางเมินมากยิ่งขึ้น
แบนนอน ยืนยันวานนี้ (7) ว่าตนยังสนับสนุน ทรัมป์ อยู่ แม้จะถูกประธานาธิบดีตั้งฉายาว่า “สตีฟจอมสะเพร่า” (Sloppy Steve) ก็ตาม
“ผมยังคงสนับสนุนประธานาธิบดีและวาระต่างๆ ของท่านไม่เปลี่ยนแปลง... ทุกวันนี้ก็มีผมเพียงคนเดียวที่ช่วยเผยแพร่สารของคุณทรัมป์และลัทธิทรัมป์ให้ทั่วโลกรับรู้ และผมพร้อมที่จะยืนอยู่เบื้องหลังเพื่อสนับสนุนความพยายามของท่านในการทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
หนังสือของ วูล์ฟ อ้างว่า แบนนอน รู้สึกตกตะลึงที่ ทรัมป์ จูเนียร์, พอล มานาฟอร์ต และ เจเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขยทรัมป์ อนุญาตให้ทนายความหญิงชาวรัสเซียเข้าพบที่อาคารทรัมป์ทาวเวอร์ในนครนิวยอร์ก หลังทราบว่าเธอผู้นี้มีข้อมูลที่จะทำลายชื่อเสียงของ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครประธานาธิบดีสายเดโมแครตได้
หนังสือเล่มนี้ยังอ้างคำพูด แบนนอน ที่ว่า เขามั่นใจว่า ทรัมป์ จูเนียร์ จะต้องพาชาวรัสเซียที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพูดคุยครั้งนั้นเข้าพบ ทรัมป์ อย่างแน่นอน
แบนนอน ไม่ได้โต้แย้งถ้อยคำที่ วูล์ฟ นำไปตีพิมพ์ แต่อ้างว่าผู้ที่เขาตั้งใจจะวิจารณ์คือ มานาฟอร์ต ซึ่งถูกอัยการพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ ตั้งข้อหาพัวพันเรื่องที่รัสเซียแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016
“ผมตั้งใจตำหนิ พอล มานาฟอร์ต ซึ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์และรู้ดีว่ารัสเซียปฏิบัติการอย่างไร เขาควรจะรู้แต่ต้นว่าคนพวกนั้นไม่ซื่อสัตย์ เจ้าเล่ห์ และไม่ใช่มิตรของเรา” แบนนอน กล่าว
สตีเฟน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ State of the Union ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวานนี้ (7) ว่า หนังสือของ วูล์ฟ เป็นแค่ “นิยายวิตถาร” และตนรู้สึกเศร้าเสียดายที่ แบนนอน ยอมให้ข้อมูลกับนักหนังสือพิมพ์รายนี้