เอเอฟพี - รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกโรงปกป้องประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ว่ามีสุขภาพแข็งแรงดีทั้งร่างกายและจิตใจ เพียงแต่มีบุคลิกที่แตกต่างไปจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนก่อนๆ หลังมีการเปิดตัวหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ที่ตั้งข้อสังเกตว่าผู้นำจอมทวีตอาจมีปัญหาทางจิต
ทิลเลอร์สัน ได้ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นเกี่ยวกับปัญหาด้านนโยบายต่างประเทศที่สหรัฐฯ เผชิญอยู่ ระหว่างนั้นพิธีกรได้สอบถามเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ว่า ทรัมป์ เป็นคนสมาธิสั้น ย้ำคิดย้ำทำ และไม่ค่อยจะอ่านรายงานที่ผู้ช่วยส่งไปให้
“ผมไม่เคยตั้งคำถามเรื่องสุขภาพจิตของท่าน และไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยในประเด็นนี้เลย” ทิลเลอร์สัน กล่าว
มีข่าวลือแพร่สะพัดเมื่อปีที่แล้วว่า ทิลเลอร์สัน เคยด่า ทรัมป์ ลับหลังว่า “ปัญญาอ่อน” ขณะประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แต่สำนักงานของเขาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
อย่างไรก็ตาม อดีตซีอีโอบริษัทน้ำมันเอ็กซ์ซอนโมบิลยอมรับว่า เขาต้องใช้เวลาเรียนรู้พอสมควรว่าจะเสนอข้อมูลอย่างไรต่อประธานาธิบดีผู้มีสไตล์การตัดสินใจที่ไม่เหมือนใคร
“ผมต้องศึกษาว่าท่านรับรู้ข้อมูล กลั่นกรอง และตัดสินใจอย่างไร” ทิลเลอร์สันบอกกับซีเอ็นเอ็น “ผมทำงานรับใช้รัฐบาลของท่าน ดังนั้น ผมจำเป็นต้องให้เวลาทำความเข้าใจว่าจะสื่อสารกับท่านอย่างไรให้ได้ดีที่สุด”
แม้จะประสบปัญหาด้านการสื่อสารกันอยู่บ้าง แต่ ทิลเลอร์สัน ยืนยันว่าท้ายที่สุดการตัดสินใจก็เป็นไปอย่างถูกต้อง และนโยบายของ ทรัมป์ ก็ทำให้สหรัฐอเมริกาแข็งแกร่งขึ้นในเวทีโลก
“ท่านไม่ใช่ประธานาธิบดีตามแบบฉบับในอดีต ผมว่าทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว และนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เลือกท่าน” ทิลเลอร์สัน ระบุ พร้อมยืนยันว่าตนเองยังไม่มีความคิดที่จะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในปี 2018
ทิลเลอร์สัน ต้องออกมารับภาระแก้ต่างให้กับประธานาธิบดี หลังจากหนังสือ “Fire and Fury: Inside the Trump White House” ของนักหนังสือพิมพ์ชื่อดัง ไมเคิล วูล์ฟ เริ่มวางจำหน่ายและขายดิบขายดีจนหมดไปจากแผงหนังสือในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. อย่างรวดเร็ว
ทรัมป์ วัย 71 ปี ประณามหนังสือเล่มนี้ว่า “หลอกลวง” เสนอแต่ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับตัวเขา
หนังสือของ วูล์ฟ อ้างคำพูดของผู้ช่วยคนสนิท ทรัมป์ หลายคนซึ่งแสดงความกังขาว่าประธานาธิบดีผู้นี้มีความสามารถเพียงพอที่จะเป็นผู้นำมหาอำนาจด้านการทหารและเศรษฐกิจเบอร์หนึ่งของโลกหรือไม่
วูล์ฟ ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการ “ทูเดย์” ทางสถานีโทรทัศน์ NBC ว่า “ผมบอกได้เลยว่าคนรอบข้างเขา 100 เปอร์เซ็นต์” ล้วนแต่ตั้งคำถามว่า ทรัมป์ จะเป็นประธานาธิบดีที่ดีได้หรือไม่
“พวกเขาพูดเหมือนกันหมดว่า ทรัมป์ ทำตัวเหมือนเด็กที่ต้องได้ในสิ่งที่ตัวเองพอใจตลอดเวลา นั่นแหละตัวเขา”
ทรัมป์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ มาเกือบจะครบ 1 ปีเต็ม ได้ออกมาตอบโต้หนังสือเล่มนี้อย่างโกรธเกรี้ยว
“ผมไม่อนุญาตให้ผู้แต่งหนังสือโกหกพกลมเล่มนี้เข้ามาเหยียบทำเนียบขาว! (อันที่จริงก็ปฏิเสธไปหลายครั้งแล้ว) ผมไม่เคยให้สัมภาษณ์เพื่อให้เขาเอาข้อมูลไปเขียนหนังสือ มีแต่เรื่องโกหกทั้งเพ ตีความผิดพลาด และอ้างแหล่งข่าวที่ไม่มีตัวตน” ทรัมป์ ทวีตข้อความเมื่อวันพฤหัสบดี (4 ม.ค.)
วูล์ฟ โต้กลับทันควันว่า “ผมเคยคุยกับประธานาธิบดีแน่นอน ท่านจะถือว่าเป็นการสัมภาษณ์หรือไม่ผมไม่รู้ แต่แน่นอนว่ามันต้องมีบันทึก”
หนังสือเล่มนี้อ้างคำพูดของ สตีฟ แบนนอน อดีตที่ปรึกษายุทธศาสตร์ของทรัมป์ ซึ่งกล่าวหา “ดอน จูเนียร์” บุตรชายคนโตของประธานาธิบดีว่า “เป็นกบฏต่อชาติ” ด้วยการลักลอบติดต่อทนายรัสเซีย และยังวิจารณ์ อิวองกา ทรัมป์ ผู้ซึ่งใฝ่ฝันจะลงสมัครเป็นประธานาธิบดีหญิงว่า “โง่พอๆ กับอิฐ” (dumb as a brick)
วูล์ฟ ยังอ้างไปถึง สตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และ ไรน์ซ พรีบัส อดีตประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ซึ่งพูดตรงกันว่าผู้นำสหรัฐฯ เป็นพวก “บ้องตื้น” (idiot) ขณะที่ แกรี โคห์น ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทรัมป์ ก็แอบด่าประธานาธิบดีว่า “โง่พอๆ กับอุจจาระ” (dumb as shit) ส่วน เอช.อาร์ แมคมาสเตอร์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ วิจารณ์ ทรัมป์ ว่า “โง่เง่า” (dope)
หนังสือเล่มนี้เริ่มวางจำหน่าย หลังจากมีอาจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเยลคนหนึ่งเอ่ยเตือนสมาชิกสภาคองเกรสเกี่ยวกับสุขภาพจิตของ ทรัมป์ เมื่อเดือนที่แล้ว
“สมาชิกสภาคองเกรสหลายคนยอมรับว่าพวกเขาเป็นห่วงเรื่องนี้มาก และกลัวว่าความไม่มั่นคงทางจิตใจ (mental instability) ของประธานาธิบดีจะเป็นภัยต่อชาติ” แบนดี ลี นายแพทย์คนหนึ่ง ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น