เอเจนซีส์ - กลุ่มโจรแก๊งฉกเพชรมืออาชีพแอบเนียนฉกเครื่องประดับต่างหูและเข็มกลัด ที่ถูกจัดแสดงในชุดกรุสมบัติมหาราชาแดนภารตะอายุเก่าแก่ 400 ปี มูลค่าจำนวนหลายล้านยูโร หายออกไปจากงานจัดแสดงเดอะ อัล ทานี คอลเลกชัน เมื่อตะวันตกพบตะวันออกภายในพระราชวังดอจ( Doge’s Palace )กลางเมืองเวนีสเมื่อเช้าวันพุธ(3 ม.ค)พบคนร้ายมือโปรสุดๆสามารถเปิดตู้จัดแสดงแบบสัญญาณเตือนภัยไม่มีดังก่อนหายไปท่ามกลางฝูงคน
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(4 ม.ค)ว่า ในแถลงการณ์ของตำรวจอิตาลีในวันพุธ(3)ชี้ว่า เครื่องประดับที่ถูกขโมยไปบางส่วนนั้นมีไม่กี่ชิ้น แต่พบว่ามีมูลค่าหลายล้านยูโร และเป็นพระราชสมบัติส่วนพระองค์ของสมาชิกราชวงศ์กาตาร์
โดยเครื่องประดับที่หายไปนั้นอยู่ในชุดจัดแสดงกรุสมบัติราชวงศ์โมกุลและมหาราชาแดนภารตะอายุ 400 ปี โดยทางตำรวจเวนีสชี้ว่า ต่างหูและเข็มกลัดเป็นสิ่งที่หายไปเป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงทั้งหมด 270 ชิ้นภายในพระราชวังดอจ( Doge’s Palace) เมืองเวนีส เป็นการจัดแสดงทั้งหมด 4 เดือนเต็มเพื่อแสดงผลงานช่างเครื่องประดับอินเดียในประวัติศาสตร์ 5 ศตวรรษ
ในรายงานชี้ว่า วันที่ต่างหูและเข็มกลัดที่ถูกขโมยออกไปนั้นเกิดขึ้นในวันสุดท้ายของการจัดงานคือในช่วงเช้าวันพุธ(3) และถึงแม้ของทั้ง 2 สิ่งจะไม่ใช่เป็นสิ่งไฮไลต์ของการจัดแสดงแต่ตำรวจอิตาลีกล่าวว่า เครื่องประดับที่หายไปนั้นมีมูลค่านับล้านยูโรเพราะล้วนทำมาจากทองคำ แพลตินัม และเพชร
โดยทางเจ้าหน้าที่สอบสวนคดีอิตาลีกล่าวว่า โจรมืออาชีพจำนวน 2 คน อ้างอิงตัวเลขจากสื่อ DW ของเยอรมัน สามารถปิดเครื่องสัญญาณกันขโมยก่อนที่จะเปิดตู้จัดแสดงและนำเครื่องประดับทั้ง 2 ชิ้นออกไป ก่อนที่จะหายไปท่ามกลางฝูงชน ในรายงานพบว่าผู้ที่ทำการเปิดตู้เป็นชาย และมีเพื่อนร่วมงานคอยดูต้นทางให้
และพบว่าไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น เป็นที่น่าแปลกใจว่าสัญญาณเตือนภัยเกิดดังขึ้นภายในพระราชวังปาลาซโซ ดูคาเล (Palazzo Ducale) หรือที่รู้จักในชื่อพระราชวังดอจ ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองเวนีส บริเวณด้านท้ายของจัตุรัสเซนต์ มาร์ค(Saint Mark’s Square)
โดยผู้บัญชาการตำรวจอิตาลี วีโต กากลิอาร์ดี(Vito Gagliardi) กล่าวผ่านแถลงการณ์ถึงเหตุโจรกรรมครั้งอุกอาจอย่างเหงื่อตกว่า “ในเวลานี้ถือเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า เรากำลังเผชิญหน้ากับแก๊งโจรมืออาชีพ 2 คนที่สามารถลอยนวลออกไปได้ทั้งๆที่ห้องการจัดแสดงนั้นถูกติดตั้งด้วยระบบสัญญาณเตือนภัยที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย”
สื่ออังกฤษชี้ว่า ชุดจัดแสดงภายใต้ชื่อเจ้าของกรุสมบัติเหล่านี้ เดอะ อัล ทานี คอลเลกชัน(The Al Thani’s collection) นั้นประกอบไปด้วยเครื่องประดับที่ถูกจัดแสดงจำนวน 270 ชิ้น ซึ่งมีทั้งมาจากเครื่องประดับโบราณอายุร่วมหลายร้อยปีของอินเดีย และเครื่องประดับที่ถูกสร้างจากแรงบันดาลใจในงานศิลปะอินเดีย ซึ่งพบว่าของที่ถูกจัดแสดงมีความเก่าแก่ร่วม 400 ปี นับตั้งแต่ราชวงศ์โมกุลมาจนถึงปัจจุบัน
โดยทั้งหมดนี้ถูกรวบรวมโดยชีค ฮาหมัด บิน อับดุลลาห์ อัล ทานี(Sheikh Hamad bin Abdullah Al Thani) แห่งกาตาร์ และปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของราชวงศ์เจ้าผู้ปกครองนครรัฐกาตาร์
ซึ่งนิตยสารฟอบส์เคยกล่าวถึงชุดมหาราชาคอลเลกชันชุดนี้ว่า “ไม่มีสิ่งใดสามารถมาเทียบเคียงได้บนโลกใบนี้”
เดอะการ์เดียนรายงานต่อว่า การจัดแสดงในวันพุธ(3)ที่พระราชวังเมืองเวนีสถือเป็นจุดสุดท้ายของการเปิดการแสดงรอบโลก หลังก่อนหน้าได้เปิดการแสดงที่กร็องปาแล( the Grand Palais )กรุงปารีส พิพิธภัณฑ์วิคตอเรียและอัลเบิร์ต(the Victoria and Albert Museum) กรุงลอนดอน เดอะเมโทโพลิแตน (the Metropolitan) เมืองนิวยอร์ก ซิตี และพิพิธภัณฑ์มิโฮ(the Miho Museum) ใกล้เมืองเกียวโต
ด้านจอห์น แม็กซส์( John Maxse) โฆษกประจำคอลเลกชันที่ถูกจัดแสดงกล่าวว่า ทางฝ่ายเขาได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเวนีสและมูลนิธิพิพิธภัณฑ์เมืองแห่งเวนีส (Venice’s Foundation of Civic Museums) ซึ่งเป็นผู้บริหารพระราชวังดอจ โดยในแถลงการณ์ของทางมูลนิธิได้ชี้ว่า ต่างหูและเข็มกลัดนั้นเป็นผลงานศิลปะร่วมสมัย และดังนั้นจึงมีคุณค่าน้อยทางด้านประวัติศาสตร์เมื่อเทียบกับผลงานชิ้นอื่นๆที่ถูกจัดแสดง
ตำรวจเวนีสชี้ต่อว่า เนื่องมาจากเครื่องประดับทั้ง 2 ชิ้นเป็นสิ่งที่หายากดังนั้นจึงเกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกนำมาขายทอดตลาด
