รอยเตอร์/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในวันอังคาร (26 ธ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง จากข่าวท่อลำเลียงระเบิดในลิเบีย ส่วนวอลล์สตรีทปรับลดตามแรงฉุดของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำปิดบวก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน 2015 ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในวันอังคาร (26 ธ.ค.) เป็นผลสืบเนื่องจากความกังวลทางอุปทาน หลังกลุ่มชายติดอาวุธระเบิดท่อที่ลำเลียงน้ำมันดิบนำส่งท่าเรือเอส ไซเดอร์ ส่งผลให้กำลังการผลิตของลิเบียลดลง
กำลังผลิตของประเทศในแถบแอฟริกาเหนือแห่งนี้ฟื้นตัวขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้านี้กำลังผลิตลดลงมานานหลายปี ท่ามกลางความขัดแย้งติดอาวุธและสถานการณ์ความไม่สงบต่างๆ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (26 ธ.ค.) ปิดลบ ถูกฉุดจากหุ้นของแอปเปิลและเหล่าบริษัทซัปพลายเออร์ของแอปเปิล ตามข่าวอุปสงค์ไอโฟนเท็นที่อ่อนแอ
ดาวโจนส์ ลดลง 7.85 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 24,746.21 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.84 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,680.50 จุด แนสแดค ลดลง 23.71 จุด (0.34 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,936.25 จุด
รายงานข่าวจากไต้หวัน อีโคโนมิก เดลี ระบุว่า แอปเปิลจะปรับลดประมาณการยอดขายไอโฟนเท็น ในไตรมาสปัจจุบันเหลือแค่ 30 ล้านเครื่อง จากเบื้องต้นที่คาดหมายว่าน่าจะขายได้ราวๆ 50 ล้านเครื่อง ผลก็คือทำให้หุ้นของแอปเปิลร่วงลงวันเดียว คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม
นักวิเคราะห์ระบุว่า กระแสความสนใจในไอโฟนเท็นในตลาดจีน เทียบไม่ได้กับความคลั่งไคล้ไอโฟน 6 ที่เปิดตัวในปี 2014 ซึ่งได้ช่วยหนุนผลประกอบการของแอปเปิลในประเทศจีนเป็นอย่างมากในปีดังกล่าว
ปัจจัยนี้ทำให้หุ้นของเหล่าบริษัทผู้ป้อนชิ้นส่วนแก่แอปเปิล ต่างปิดลบกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น บรอดคอม, สกายเวิร์ก โซลูชัน, ฟินิซาร์ และลูเมนตัม โฮลดิ้ง
ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร (26 ธ.ค.) ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 สัปดาห์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 8.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,287.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์