เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่สอบสวนสหรัฐฯระบุ ขบวนรถไฟโดยสารแอมแทร็คซึ่งตกรางและหล่นลงบนทางหลวงที่อยู่ด้านล่างเมื่อวันจันทร์ (18 ธ.ค.) จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คนนั้น กำลังวิ่งด้วยความเร็วถึง 80 ไมล์ต่อชั่วโมง ทั้งที่บริเวณซึ่งประสบเหตุกำหนดให้จำกัดความเร็วเพียงแค่ 30 ไมล์ต่อชั่วโมง ขณะเดียวกัน ผู้บริหารแอมแทร็คบอกด้วยว่า รางรถไฟตรงจุดนั้นไม่ได้ติดตั้งระบบควบคุมและชะลอความเร็วรถไฟ
เบลลา ดินห์-ซาร์ รองประธานคณะกรรมการเพื่อความปลอดภัยในการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอ็นทีเอสบี) แถลงเมื่อตอนดึกวันจันทร์ (18) ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า เหตุใดรถไฟขบวนดังกล่าวจึงวิ่งด้วยความเร็วถึง 80 ไมล์ (128.7กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นตัวเลขประมาณการจากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับจากอุปกรณ์บันทึกข้อมูลเหตุการณ์ที่ติดตั้งอยู่ด้านท้ายขบวน
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน บาร์บารา ลาโบ โฆษกหญิงกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ ระบุว่า ทางโค้งบริเวณที่ขบวนรถไฟวิ่งบนสะพานข้ามทางหลวงนั้นจำกัดความเร็วไว้ที่ 30 ไมล์ (48.3 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง และวิศวกรได้รับการฝึกฝนในการชะลอรถไฟตามความเร็วที่จำกัด
ทั้งนี้ขบวนรถไฟแอมแทร็ค ที่ดินห์-ซาร์ระบุว่า น่าจะบรรทุกผู้โดยสารราว 80 คน เจ้าหน้าที่ประจำรถ 3 คน และพนักงานให้บริการ 2 คนนั้น อยู่ระหว่างการเดินทางบนเส้นทางใหม่เที่ยวแรก ก่อนที่จะตกรางบนสะพานและตกลงบนทางหลวงที่มีรถราพลุกพล่านเมื่อเวลาประมาณ 7.30 น. วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และอีก 72 คนถูกส่งตัวไปตรวจอาการที่โรงพยาบาล ในจำนวนนี้บางส่วนเป็นผู้ที่สัญจรไปมาบนทางหลวง อย่างไรก็ดี ไม่มีคนขับหรือผู้โดยสารบนทางหลวงเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้
ทางด้าน ริชาร์ด แอนเดอร์สัน ประธานแอมแทร็ค แถลงว่า ไม่มีการใช้ Positive Train Control หรืออุปกรณ์ตรวจจับที่สามารถชะลอความเร็วของรถไฟบนรางที่เกิดอุบัติเหตุคราวนี้
ขณะเดียวกัน สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) แถลงว่า ไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือมีความเสี่ยงต่อประชาชนในรัฐวอชิงตัน และว่า เอฟบีไอจะร่วมกับเอ็นทีเอสบีเพื่อสอบสวนเหตุการณ์นี้
รองประธานหญิงของเอ็นทีเอสบีเสริมว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนจากส่วนกลางจะตรวจสอบที่เกิดเหตุตลอดทั้งวันอังคาร และเริ่มต้นการสอบสวนหาสาเหตุซึ่งอาจใช้เวลาอย่างน้อย 7-10 วัน
ดินห์-ซาร์ยังบอกอีกว่า ข้อมูลจากอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่ด้านหน้าขบวนซึ่งตอนนี้ยังเข้าถึงได้ยาก อาจทำให้ได้ข้อมูลความเร็วรถที่แม่นยำยิ่งขึ้น
ภาพที่มีผู้บันทึกไว้หลังเหตุการณ์รถไฟตกรางที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันจันทร์ เผยให้เห็นรถไฟตู้หนึ่งจากทั้งหมด 14 ตู้ พลิกคว่ำและตกลงบนทางหลวงอินเตอร์สเตทหมายเลข 5 และอีกขบวนห้อยอยู่บนสะพานคร่อมทางหลวง ส่งผลให้ต้องปิดเส้นทางการจราจรสำคัญที่เชื่อมต่อย่านมหานครของซีแอตเติลกับโอลิมเปีย
เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ระบุสาเหตุที่รถไฟแอมแทร็คขบวน 501 ตกราง ระหว่างการเที่ยวปฐมฤกษ์ที่โฆษณาว่า จะให้การเชื่อมต่อระหว่างเมืองซีแอตเติล ของรัฐวอชิงตัน กับพอร์ตแลนด์ ของรัฐออริกอน รวดเร็วยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหลายคนออกมาเตือนตั้งแต่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนแล้วว่า รางรถไฟสายดังกล่าวอาจไม่ปลอดภัยพอสำหรับรถไฟความเร็วสูง
เหตุการณ์นี้ยังอาจนำไปสู่การตรวจสอบสถิติความปลอดภัยของแอมแทร็คเข้มงวดขึ้น หลังจากที่รถไฟของบริษัทแห่งนี้ประสบอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตหลายครั้ง
ทั้งนี้ ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา โรเบิร์ต ซัมวอล์ต ประธานเอ็นทีเอสบีเพิ่งส่งคำแถลงวิจารณ์วัฒนธรรมความปลอดภัยของแอมแทร็คที่ตกต่ำลงต่อเนื่อง พร้อมมอบข้อเสนอแนะด้านความปลอดภัย 9 ประการ
คำแถลงดังกล่าวออกมาพร้อมรายงานการสอบสวนอุบัติเหตุของแอมแทร็คเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วในรัฐเพนซิลเวเนียที่มีผู้เสียชีวิต 2 คนและบาดเจ็บ 41 คน และเอ็นทีเอสบีระบุว่า เกิดจากความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการความปลอดภัยในหลายระดับการบังคับบัญชาของแอมแทร็ค อันเป็นผลมาจากการขาดวิสัยทัศน์ด้านความปลอดภัยที่ชัดเจน ต่อเนื่อง และยอมรับได้
อย่างไรก็ดี แอนเดอร์สันยืนยันว่า แอมแทร็คปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของเอ็นทีเอสบีอย่างจริงจัง และลงทุนอย่างต่อเนื่องตามที่เอ็นเอสทีบีเสนอแนะ
นอกจากนั้น แอลลัน ซาเรมบ์สกี ผู้อำนวยการโปรแกรมวิศวกรรมและความปลอดภัยของระบบรางรถไฟจากมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ยังตั้งข้อสังเกตว่า หากสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้เกี่ยวข้องกับรางรถไฟหรือปฏิกิริยาระหว่างรถไฟกับราง ก็คงโทษว่า เป็นความผิดของวัฒนธรรมความปลอดภัยของแอมแทร็คไม่ได้