xs
xsm
sm
md
lg

ดับฝันนักล่า E.T. ไม่พบสัญญาณเอเลี่ยนจากดาวเคราะห์น้อยทรงซิการ์ หลังเชื่ออาจเป็นยานมนุษย์ต่างดาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/เอเจนซี - ไม่พบสัญญาณเอเลี่ยนจากดาวเคราะห์น้อยนอกระบบสุริยจักรวาล ทรงแท่งซิการ์ “โอมูอามูอา (Oumuamua)” ที่เพิ่งเคลื่อนผ่านระบบสุริยจักรวาลของเราเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จากคำยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ธ.ค.) ของพวกนักวิจัยที่ร่วมหาหลักฐานของเทคโนโลยีนอกโลก หลังจากก่อนหน้านี้พวกนักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสันนิษฐานว่ามันอาจเป็นยานของมนุษย์ต่างดาว



ดาวเคราะห์น้อย โอมูอามูอา (Oumuamua) ที่มีลักษณะคล้ายแท่งซิการ์ ถูกตรวจพบโดยกล้องโทรทรรศน์หลายตัวทั่วโลกเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

จากความเร็วและทิศทางโคจรอันชวนขนลุกของมัน พวกนักวิจัยที่อยู่ในอาการประหลาดใจ พากันสรุปในทันทีว่ามันน่าจะมาจากนอกระบบสุริยะของเรา ซึ่งทำให้มันกลายเป็นดาวเคราะห์น้อยเดินทางระหว่างดวงดาว ดวงแรกที่ถูกพบอยู่กลางระบบสุริยะของโลก

ดาวเคราะห์น้อยโอมูอามูอา มีความยาวกว่า 400 เมตร และมีรูปทรงเรียว กว้างเพียง 40 เมตร ลักษณะคล้ายแท่งซิการ์ ซึ่งเป็นรูปร่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนสำหรับดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่ง และมันหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว

หลังจากแถลงการค้นพบเมื่อเดือนที่แล้ว ทีมนักดาราศาสตร์ของโครงการค้นหาอารยธรรมนอกโลกในสหรัฐฯ ที่มีชื่อว่า “เบรกทรู ลิซซึ่น” ซึ่งอุทิศตนเพื่อค้นหาสัญญาณของค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงปัญญานอกโลก เผยว่าจะลงมือศึกษาดาวเคราะห์น้อยดวงนี้เพื่อหาสัญญาณประดิษฐ์ ซึ่งภารกิจดังกล่าวมี สตีเฟน ฮอว์กิง นักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยาชื่อดังเข้าร่วมด้วย ท่ามกลางข้อสันนิษฐานว่ามันอาจเป็นยานบินของมนุษย์ต่างดาว

“เครือข่ายกล้องโทรทรรศน์ตรวจไม่พบสัญญาณดังกล่าว” โครงการนี้ระบุในวันพฤหัสบดี (14 ธ.ค.) อย่างไรก็ตาม พวกเขาบอกว่า “การวิเคราะห์ยังไม่เสร็จสมบูรณ์”

“โอมูอามูอา” เป็นภาษาฮาวาย แปลว่า “ผู้ส่งสารจากแดนไกลที่ล่วงหน้ามาก่อน” โดยเชื่อกันว่าผู้ส่งสารนี้คงล่องลอยผ่านทางช้างเผือกโดยไม่ได้ติดอยู่กับแรงโน้มถ่วงของระบบดาวเคราะห์ดวงใดเลยมาเป็นเวลาหลายร้อยล้านหรืออาจจะล้านล้านปีแสง ก่อนจะผ่านเข้ามายังระบบสุริยะของโลก

โทมัส ซูร์บูเชน รองผู้บริหารศูนย์บัญชาการภารกิจด้านวิทยาศาสตร์ของนาซา กล่าวว่า “นับเป็นเวลาหลายทศวรรษมาแล้วที่เราตั้งทฤษฎีเกี่ยวกับวัตถุอวกาศจากระบบดาวอื่น และนี่เป็นครั้งแรก ที่พบหลักฐานว่ามีอยู่จริง ซึ่งการค้นพบที่สร้างประวัติศาสตร์นี้ เปิดทางให้กับการศึกษาการก่อตัวของระบบสุริยะอื่นต่อไป”
กำลังโหลดความคิดเห็น