xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊ก UN ห่วงนานาประเทศเดินละเมอสู่สงคราม ทำเนียบขาวย้ำจะคุยด้วยเมื่อโสมแดงเลิกยุ่ง “นุก”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้นำเกาหลีใต้เยือนจีน – ประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ยืนนิ่งแสดงความเคารพขณะมีการบรรเลงเพลงชาติในพิธีต้อนรับซึ่งแดนมังกรจัดให้แก่มุนที่กรุงปักกิ่งวันพฤหัสบดี (14 ธ.ค.) การเยือนของมุนคราวนี้ คาดหมายกันว่าจะมีการพูดคุยประเด็นเกาหลีเหนือ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างโน้มเอียงในทางที่จะให้แก้ปัญหาด้วยการพูดคุยเจรจากัน
เอเจนซีส์ - เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นเตือน อย่า “เดินละเมอ” เข้าสู่สงคราม แต่ก็ย้ำว่าทั้งเกาหลีเหนือและชาติต่างๆ ต้องเดินตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติให้ลุล่วง คำพูดเช่นนี้ฟังดูคล้ายเป็นการปรามรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกันกลายๆ ว่า นี่อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสำหรับการเปิดเจรจาอย่าง “ไร้เงื่อนไข” กับเปียงยาง ขณะที่ในสหรัฐฯ เอง ทั้งทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศต่างออกมาติงว่า คงต้องรอให้โสมแดงละลายพฤติกรรมก่อนจึงสมควรตั้งโต๊ะหารือด้วย

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังพบกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นที่กรุงโตเกียวในวันพฤหัสบดี (14 ธ.ค.) ว่า ทั้งเกาหลีเหนือและทุกประเทศที่มีบทบาทสำคัญต้องปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงอย่างครบถ้วนสมบูรณ์เป็นอันดับแรกเพื่อให้บรรลุผลตามที่คาดหวังคือการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์

ทั้งนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นออกมาตรการแซงก์ชันเกาหลีเหนือมาแล้ว 3 ครั้งในรอบปีที่ผ่านมา เพื่อลงโทษกรณีทำการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ

กูเตอร์เรสเสริมว่า ความเป็นเอกภาพของคณะมนตรีความมั่นคงฯ มีความสำคัญต่อความเป็นไปได้สำหรับการเกี่ยวพันทางการทูตด้วยสันติวิธีที่อาจนำไปสู่การปลดอาวุธร้ายแรงดังกล่าว

“แต่ความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นคือ เราทั้งหมดเดินละเมอเข้าสู่สงครามที่อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรงอย่างยิ่ง”

ด้านอาเบะที่ร่วมแถลงข่าวด้วยขานรับว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่ต้องกดดันเปียงยางให้หนักที่สุดด้วยการปฏิบัติตามมาตรการแซงก์ชัน ไม่ใช่การเริ่มเจรจาเรื่องโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ และหากจะมีการเจรจาจริงก็ต้องเป็นการเจรจาที่มีนัยและเป้าหมายเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์โสมแดงเท่านั้น

การแสดงความคิดเห็นของผู้นำยูเอ็นและญี่ปุ่นมีขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคาร (12) เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เสนอเปิดเจรจาโดยตรงกับเกาหลีเหนือโดยปราศจากเงื่อนไข

อย่างไรก็ดี วันรุ่งขึ้น (13) เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่ไม่ประสงค์ออกนามผู้หนึ่งออกมาพูดกับสื่อมวลชนว่า จะไม่มีการเจรจาใดๆ ทั้งนั้นหากเปียงยางยังไม่ยอมปรับปรุงพฤติกรรม ซึ่งรวมถึงการพักการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธแบบที่ทิลเลอร์สันก็กล่าวไว้อย่างหลวมๆ ทั้งนี้ไม่ได้มีการระบุกรอบเวลาว่า เกาหลีเหนือจะต้องพับโครงการทดสอบอาวุธนานเท่าไร วอชิงตันจึงจะเริ่มต้นเจรจาด้วย

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังไม่ยอมตอบให้ชัดเจนว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มักสาดวาจาแข็งกร้าวใส่เกาหลีเหนือ เปิดไฟเขียวให้ทิลเลอร์สันทอดสะพานเปียงยางดังกล่าวหรือไม่

วันเดียวกัน เฮทเธอร์ นอเอิร์ต โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงย้ำว่า เกาหลีเหนือต้องพักการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธในระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะสามารถฟื้นการเจรจา และยืนยันว่า ทิลเลอร์สันไม่ได้เปิดเผยนโยบายใหม่ และมีจุดยืนประเด็นเกาหลีเหนือในทิศทางเดียวกับทำเนียบขาว

อย่างไรก็ดี คำแถลงดังกล่าวกลับยิ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นจริงที่รับรู้กันทั่วไปว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทิลเลอร์สันกับทรัมป์ไม่ลงรอยกันนักในระยะหลัง โดยเฉพาะเรื่องวิธีการจัดการโสมแดง นอกจากนั้นอิทธิพลของทิลเลอร์สันในคณะบริหารยังบางเบาลงถนัดตา กระทั่งปลายเดือนที่แล้วมีข่าวออกมาจากเจ้าหน้าที่อาวุโสหลายคนในคณะบริหารว่า ทรัมป์กำลังเล็งปลดทิลเลอร์สัน แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่า ขาเก้าอี้ยังแข็งแรงดีอยู่ก็ตาม

การเชื้อเชิญเจรจาอย่างไม่มีเงื่อนไขของทิลเลอร์สัน มีขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือโอ้อวดว่า ประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ที่สามารถโจมตีทุกพื้นที่บนแผ่นดินอเมริกาไม่ทันถึงสองสัปดาห์

ขณะเดียวกัน เกาหลีเหนือก็ไม่มีทีท่าว่า ต้องการเจรจากับอเมริกาจนกว่าจะพัฒนาศักยภาพในการโจมตีแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ด้วยขีปนาวุธติดอาวุธนิวเคลียร์สำเร็จ

ก่อนหน้านี้ เจฟฟรีย์ เฟลต์แมน รองเลขาธิการยูเอ็นด้านกิจการการเมืองที่เดินทางเยือนเปียงยางเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวในวันอังคาร (12) ว่า ได้รับการบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่อาวุโสว่า เกาหลีเหนือต้องการหลีกเลี่ยงสงคราม และตัวเขาเองมีความหวังแรงกล้าว่า ประตูสู่การเจรจาเปิดกว้างแล้วในขณะนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น