รอยเตอร์ - สหรัฐฯ แสดงท่าทีกังขาต่อคำสั่งของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียที่ให้เริ่มถอนทหารรัสเซียออกจากซีเรีย โดยแย้งว่าการประกาศชัยชนะเหนือกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) นั้นยังเร็วเกินไป
เมื่อวันจันทร์ (11 ธ.ค.) ผู้นำหมีขาวสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการนั่งเครื่องบินไปเยือนฐานทัพอากาศฮไมมีม ซึ่งเป็นฐานทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ในจังหวัดลาตาเกียของซีเรีย และประกาศว่าภารกิจของทหารรัสเซียในการช่วยเหลือรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด กวาดล้าง “องค์กรก่อการร้ายข้ามชาติที่มีพิษสงในการรบมากที่สุด” ได้ลุล่วงแล้ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้ท้าทายข้อสรุปของรัสเซียและซีเรียที่อ้างว่าซีเรียเป็นประเทศที่กำลังก้าวไปสู่สันติภาพ หลังจากฐานที่มั่นแห่งท้ายๆ ของไอเอสถูกทวงคืนมาได้แล้ว
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เตือนว่า กองกำลังความมั่นคงซีเรียมีจำนวนน้อยเกินไป แถมยังด้อยศักยภาพและอ่อนแอเกินกว่าจะปกป้องประเทศของตนได้ ไอเอสและกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ จึงมีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับมาแผลงฤทธิ์อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากความขัดแย้งทางการเมืองยังแก้ไม่ตก
“รัสเซียประกาศชัยชนะเหนือไอเอสเร็วเกินไปหน่อย” โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุ “ประวัติศาสตร์ยุคหลังๆ ก็มีให้เห็นว่า การด่วนประกาศชัยชนะมักนำไปสู่ความล้มเหลวในการชิงความได้เปรียบทางทหาร สร้างเสถียรภาพ และเงื่อนไขที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ก่อการร้ายฟื้นตัวได้อีก”
ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในซีเรียนั้นไม่ได้รับความยินยอมพร้อมใจจากรัฐบาลอัสซาดเหมือนอย่างที่รัสเซียได้รับ และวอชิงตันก็ระแวงสงสัยว่ารัสเซียมีเจตนาที่แท้จริงอย่างไรในการประกาศถอนทหาร
เอดรียน แรนไคน์-แกลโลเวย์ โฆษกเพนตากอน ระบุว่า สหรัฐฯ ยังไม่เห็นการถอนทหารกลุ่มใหญ่ออกจากซีเรียนับตั้งแต่มีคำประกาศจาก ปูติน
“ยังไม่มีการลดจำนวนทหารแนวหน้าลงอย่างมีนัยยะสำคัญ หลังจากที่รัสเซียประกาศแผนถอนกำลังออกจากซีเรีย” เขากล่าว
สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (Institute for the Study of War) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตั้งข้อสังเกตว่า มอสโกมักจะใช้วิธีประกาศถอนทหารเพื่อปรับยุทธวิธี
“รัสเซียเคยใช้เรื่องการถอนทหารบางส่วนมาเป็นข้ออ้าง แต่อันที่จริงแค่ผลัดเปลี่ยนกำลังพลบางหน่วยเพื่อซ่อมบำรุงและขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ไม่จำเป็นออก ก่อนจะนำระบบอาวุธใหม่ที่เหมาะสมกับภารกิจขั้นต่อไปเข้ามาใช้”
สหรัฐฯ ส่งทหารราว 2,000 นายเข้าไปปฏิบัติภารกิจในซีเรีย และระบุว่าจะยอมถอนกำลังภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสมเท่านั้น โดยอ้างว่าการคงอยู่ของทหารอเมริกันในระยะยาวช่วยให้มั่นใจได้ว่าไอเอสจะพ่ายแพ้อย่างถาวร
อย่างไรก็ดี คำประกาศของรัสเซียดูเหมือนจะเป็นการบอกใบ้ว่าทหารต่างชาติไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป และหลังจากที่พลิกเกมสงครามให้มาเข้าทางฝ่ายอัสซาดได้แล้ว ปูติน ก็ปรารถนาที่จะเล่นบทโบรกเกอร์ผลักดันข้อตกลงสันติภาพในซีเรีย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ระบุว่า สหรัฐฯ เชื่อว่า อัสซาด ไม่มีทางทำสำเร็จหากจะยัดเยียด “สันติภาพของผู้ชนะ” และโอกาสที่สงครามกลางเมืองจะปะทุขึ้นอีกก็มีสูง หากไม่มีการปรองดองทางการเมืองอย่างแท้จริง