เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่ของนิวยอร์กแถลงในวันอังคาร (12 ธ.ค.) ว่า ได้ตั้งข้อหาก่อการร้ายต่อชายชาวบังกลาเทศผู้หนึ่ง หลังจากผู้อพยพหนุ่มผู้นี้ให้การยอมรับว่าใช้ระเบิดโจมตีสถานีรถไฟใต้ดินนิวยอร์กในช่วงเวลาเร่งด่วนเมื่อวันจันทร์ (11) และที่ทำลงไปก็เพื่อแก้แค้นให้กับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่โดนสหรัฐฯ ขุดรากถอนโคน
อาคายเอ็ด อุลเลาะห์ วัย 27 ปี ถูกตั้งข้อหาความผิดทางอาญาตามกฎหมายของมลรัฐนิวยอร์กหลายกระทง ตั้งแต่มีอาวุธเอาไว้ในครอบครองอย่างผิดกฎหมาย, สนับสนุนพฤติการณ์ก่อการร้าย และกระทำการข่มขู่คุกคามในลักษณะก่อการร้าย สำนักงานตำรวจนครนิวยอร์กแถลง พร้อมกับระบุว่า พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของรัฐบาลกลางสหรัฐฯยังอาจตั้งข้อหาความผิดต่อกฎหมายรัฐบาลกลางเพิ่มเติมได้อีก
ทางด้านเจ้าหน้าที่สอบสวนในบังกลาเทศก็กำลังสอบถามภรรยาของอุลเลาะห์ ทั้งนี้ ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ 2 ราย ซึ่งขอไม่ให้ระบุชื่อเนื่องจากไม่ได้รับมอบอำนาจให้แถลงเรื่องนี้ต่อสาธารณชน เจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการสอบถามดังกล่าว เพียงแต่ระบุว่า อุลเลาะห์และภรรยาซึ่งอยู่ในบังกลาเทศของเขามีลูกชายอายุ 6 เดือนคนหนึ่ง
“เราได้พบภรรยาและพวกญาติทางภรรยาของเขาในกรุงธากา (เมืองหลวงของบังกลาเทศ) เรากำลังสอบถามพวกเขาอยู่” ตำรวจผู้หนึ่งบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์
ตัวอุลเลาะห์เองยอมรับต่อพนักงานสอบสวนในนิวยอร์กว่าต้องการแก้แค้นแทนนักรบไอเอสซึ่งถูกสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศจนสะบักสะบอม และยังได้แรงบันดาลใจมาจากแผนก่อการร้ายช่วงเทศกาลคริสต์มาสในยุโรป โดยตนเลือกที่จะลงมือใกล้ๆ กับโปสเตอร์คริสต์มาสบนกำแพงสถานีรถไฟใต้ดิน
ระเบิดซึ่งคนร้ายผูกติดกับร่างกายตนเองและทำงานไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ตัวเขาเองบาดเจ็บสาหัส ส่วนเหยื่อคนอื่นๆ อีก 3 รายบาดเจ็บไม่มาก แต่ก็สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ชาวนิวยอร์กที่เพิ่งจะเผชิญเหตุรถบรรทุกไล่ชนคนขี่จักรยานไปเมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ถือโอกาสเรียกร้องให้กฎหมายควบคุมคนเข้าเมืองที่เข้มงวดยิ่งขึ้น พร้อมโทษนโยบายที่ “หละหลวม” เป็นต้นเหตุ “ทำให้บุคคลอันตรายเข้ามาในประเทศของเรามากเกินไปโดยไม่ผ่านการคัดกรองที่ดีพอ”
ทรัมป์ ยังวิพากษ์วิจารณ์โครงการวีซ่าที่เปิดทางให้ อุลเลาะห์ เข้ามาในสหรัฐฯ เมื่อปี 2011 เพียงเพราะเขามีญาติอาศัยอยู่ที่นี่ โดยระบุว่า วีซ่าครอบครัวเช่นนี้ “ไม่สอดคล้องกับการรักษาความมั่นคงของชาติ”
“ความพยายามสังหารหมู่ที่นิวยอร์กซิตีในวันนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นกับนิวยอร์กในรอบ 2 เดือน และชี้ให้เห็นว่า สภาคองเกรสจำเป็นต้องปฏิรูปกฎหมายอย่างเร่งด่วนเพื่อปกป้องชาวอเมริกัน” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว
เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น บริเวณทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟใต้ดินที่ท่ารถบัส พอร์ต ออทอริตี กับสถานีรถไฟใต้ดินไทม์สแควร์
ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นผู้โดยสารวิ่งแตกฮือทันทีที่เกิดระเบิดขึ้น และเมื่อควันเริ่มจงลงก็มีร่างของมือระเบิดนอนกองอยู่กับพื้น
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า ระเบิดท่อที่ติดอยู่บริเวณหน้าอกของอุลเลาะห์ทำงานไม่สมบูรณ์ ซึ่งช่วยลดความสูญเสียลงไปได้มาก ทว่าตัวคนร้ายเองก็มีแผลไฟไหม้ฉกรรจ์ที่ลำตัวและแขนสองข้าง และถูกนำส่งโรงพยาบาลในสภาพ “สาหัส”
สำหรับเหยื่ออีก 3 ราย มีเพียงอาการหูอื้อ ปวดศีรษะ และบาดเจ็บอีกเล็กๆ น้อยๆ
แรงระเบิดไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อโครงสร้างของสถานีรถไฟใต้ดิน
“เป็นความโชคดีของพวกเราที่ระเบิดทำงานไม่เต็มร้อย” แอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ระบุในถ้อยแถลง “มันไม่ก่อให้เกิดผลอย่างที่คนร้ายตั้งใจจะให้เกิด”
คัวโม ระบุด้วยว่า อุลเลาะห์ ไม่ได้เป็นสมาชิกเครือข่ายก่อการร้ายที่ซับซ้อน เพียงแต่ได้แรงบันดาลใจจากไอเอสหรือกลุ่มหัวรุนแรงอื่นๆ เท่านั้น
เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้คนกำลังเตรียมตัวต้อนรับวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส และบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุร้ายโดยฝีมือพวก “หมาป่าโดดเดี่ยว” ที่คลั่งอุดมการณ์สุดโต่งของไอเอสหรืออัลกออิดะห์
เมื่อปีที่แล้ว ผู้ลี้ภัยชาวตูนิเซียที่คลั่งไคล้ไอเอสก็ขับรถบรรทุกพุ่งใส่ฝูงชนกลางตลาดคริสต์มาสในกรุงเบอร์ลิน จนมีผู้เสียชีวิตไป 12 ราย
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลฮัลโลวีน ผู้อพยพจากอุซเบกิสถานคนหนึ่งได้เช่ารถบรรทุกขับพุ่งชนคนเดินเท้าและทางจักรยานเลียบแม่น้ำฮัดสันในนิวยอร์ก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บอีก 12 คน