รอยเตอร์ - สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิตซ์ (Fitch) ได้ปรับอันดับเครดิตของฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น 1 ขั้นในวันนี้ (11 ธ.ค.) โดยชี้ถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างเข้มแข็ง ขณะที่นโยบาย “สงครามยาเสพติด” ของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน
ฟิตช์ สถาบันจัดเรตติ้งรายแรกที่ประกาศปรับความน่าเชื่อถือของฟิลิปปินส์ขึ้นมาอยู่ในขั้น “น่าลงทุน” เมื่อปี 2013 ระบุว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อฟิลิปปินส์ค่อนข้างสูง ดังจะเห็นได้จากอุปสงค์ภายในประเทศและเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น
“ยังไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าความรุนแรงที่เกิดจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลจะบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน” ฟิตช์ ระบุในถ้อยแถลง
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มความน่าเชื่อถือของฟิลิปปินส์จาก BBB- ขึ้นมาสู่ BBB นั้นสอดคล้องกับผลการประเมินของสถาบันจัดเรตติ้งอื่นๆ เช่น สแตนดาร์ด แอนด์ พัวส์ (S&P) และมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสเซส
แม้ฟิลิปปินส์จะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย แต่นักวิเคราะห์บางคนก็เตือนว่าสงครามยาเสพติดอาจบั่นทอนการลงทุน
หลายประเทศออกมาติเตียนปฏิบัติการล่าสังหารผู้ค้ายาเสพติดซึ่งทำให้ชาวฟิลิปปินส์ถูกตำรวจวิสามัญฯ ไปแล้วกว่า 3,900 คน ตั้งแต่ ดูเตอร์เต ขึ้นครองอำนาจเมื่อเดือน มิ.ย.ปี 2016
ตำรวจฟิลิปปินส์ปฏิเสธข้อกล่าวหาของนักสิทธิมนุษยชนที่เชื่อว่า การวิสามัญฯ หลายกรณีน่าจะเป็นการ “ฆ่าทิ้ง” ให้หมดเรื่องหมดราวมากกว่าป้องกันตัว
สำนักงานของดูเตอร์เต แถลงวันนี้ (11) ว่าการที่ฟิลิปปินส์ได้รับการปรับเครดิตเพิ่มนั้นบ่งบอกว่าปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมและคอร์รัปชันของรัฐบาลเป็นที่ยอมรับ
ฟิตช์ คาดการณ์ว่าค่าจีดีพีที่แท้จริง (ตัดอัตราเงินเฟ้อออกไป) ของฟิลิปปินส์จะขยายตัวได้ถึง 6.8% ในช่วงปี 2018-2019 และจะยังมีเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่เม็ดเงินลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระยะกลาง
ดูเตอร์เต ประกาศทุ่มงบประมาณ 180,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะ 6 ปี ภายใต้ชื่อโครงการ “Build, Build, Build” เพื่อปรับปรุงสาธารณูปโภคให้มีความทันสมัยทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน ถนน รถไฟ และท่าเรือ
คาร์ลอส โดมินเกซ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฟิลิปปินส์ คาดหวังว่าแดนตากาล็อกจะได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือสูงขึ้นอีกในช่วง 2 ปีข้างหน้า
“พื้นฐานเศรษฐกิจมหภาคของเราไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่นๆ ที่มีเครดิตสูงกว่า และมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วย” เขากล่าว