รอยเตอร์ - มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 รายและบาดเจ็บจำนวนมาก หลังผู้ชุมนุมชาวปาเลสไตน์เกิดปะทะกับทหารอิสราเอล ระหว่างการประท้วงต่อต้านการรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันศุกร์ (8 ธ.ค.)
ผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนทั่วโลกอาหรับและมุสลิม ออกมารวมตัวบนท้องถนนสายต่างๆ ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม แสดงความเป็นอันหนึ่งเดียวกับชาวปาเลสไตน์และแสดงความโกรธเคืองต่อทรัมป์ ที่ละทิ้งนโยบายซึ่งสหรัฐฯยึดถือมานานหลายทศวรรษ
ทหารอิสราเอลยิงชายชาวปาเลสไตน์คนหนึ่งเสียชีวิตกใกล้ชายแดนทางเหนือฉนวนกาซา ถือเป็นเหยื่อรายแรกของเหตุความไม่สงบที่เข้าสู่วันที่ 2 ส่วนอีกรายถูกยิงบริเวณทางใต้ ขณะที่ทหารอิสราเอลอ้างว่าชาวปาเลสไตน์ลหลายร้อยคนพากันเผายางรถยนต์และขว้างก้อนหินใส่ทหารบริเวณจุดข้ามชายแดน “ระหว่างเกิดจลาจล ทหารยิงแบบเลือกเป้าหมายโดน 2 ผู้ก่อกวนหลัก” ถ้อยแถลงของกองทัพระบุ
จากข้อมูลของหน่วยฉุกเฉินสภาเสี้ยววงเดือนแดง ระบุว่ามีชาวปาเลสไตน์มากกว่า 80 คนได้รับบาดเจ็บในเขตเวต์แบงก์และฉนวนกาซา หลังทหารอิสราเอลเปิดฉากยิงด้วยกระสุนจริงและกระสุนยาง และอีกหลายสิบคนได้รับบาดเจ็บจากการสูดแก๊สน้ำตา
หลังสิ้นสุดการสวดมนต์เย็นที่มัสยิดอัล อักซา ในเยรูซาเลม พวกนักแสวงบุญพากันเดินขบวนมุ่งหน้าสู่ประตูเมืองเก่า ตะโกนว่า “เยรูซาเลมของเรา เยรูซาเลมคือเมืองหลวงของเรา” และ “เราไม่ต้องการคำพูดที่ว่างเปล่า เราต้องการก้อนหินและปืนอาก้า” โดยระหว่างนั้นผู้ชุมนุมบางส่วนได้เปิดฉากตะลุมบอนกับตำรวจ
นอกจากนี้แล้วในเมืองเฮบรอน, เมืองเบธเลเฮม และเมืองนาบลัส ในเขตเวสต์แบงก์ พบเห็นชาวปาเลสไตน์หลายสิบคนพากันใช้ก้อนหินปาเข้าใส่ทหารอิสราเอล แต่ก็ถูกตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา
ในกาซา ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มอิสลามิสต์ฮามาส มีการใช้ลำโพงตามมัสยิดต่างๆเรียกร้องให้พวกนักแสวงบุญออกมาประท้วง หลังจากก่อนหน้านี้ ฮามาส ได้เรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ลุกฮือครั้งใหม่ อย่างเช่นเมื่อปี 1987-1993 และ 2000-2005 ซึ่งทั้งสองครั้งพบเห็นชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตหลายพันคนและชาวอิสราเอลเสียชีวิตมากกว่า 1,000 ราย
ถ้อยแถลงของทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 ธ.ค.) ก่อความขุ่นเคืองแก่โลกอาหรับและสร้างความผิดหวังแก่พันธมิตรตะวันตก ในขณะที่สถานะของเยรูซาเลมเป็นหนึ่งในขวางนามใหญ่ที่สุดของข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์มาหลายชั่วอายุคน
อิสราเอลมองว่าทุกตารางเมตรของเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของพวกเขา แต่ปาเลสไตน์ต้องการให้พื้นที่ทางตะวันออกของเมืองเป็นเมืองหลวงของรัฐอิสระของพวกเขาในอนาคต
ประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่มองว่าเยรูซาเลมเป็นดินแดนยึดครอง โดยภายในดินแดนดังกล่าวรวมไปถึงเมืองเก่าหรือโอลด์ ซิตี ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ของทั้งชาวมุสลิม, ยิว และคริสเตียน
ทั้งนี้ อิสราเอล ผนวกเยรูซาเลมตะวันออกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน หลังยึดมันมาได้ในสงครามตะวันออกกลางปี 1967 อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่เคยได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากนานาชาติ
ในการเจรจาสันติภาพหนล่าสุด อิสราเอลยืนกรานว่าข้อตกลงสันติภาพใดๆ กับปาเลสไตน์ ต้องรวมถึงการยอมรับเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล แต่ทางปาเลสไตน์ก็ยืนยันเช่นกันว่าจะยอมรับข้อตกลงสันติภาพก็ต่อเมื่อมีการรับรองว่า เยรูซาเลมตะวันออก เป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์
หลายทศวรรษที่ผ่านมา วอชิงตันก็เหมือนกับประชาคมนานาชาติที่เหลือ คือไม่รับรองเยรูซาเลมในฐานะเมืองหลวงของอิสราเอล โดยบอกว่ามันต้องหาข้อสรุปภายใต้กระบวนการสันติภาพระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอล และปัจจุบันไม่มีสถานทูตประเทศอื่นๆตั้งอยู่ในเยรูซาเลม
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของทรัมป์โต้แย้งว่ากระบวนการสันติภาพกำลังร่อแร่ และนโยายต่างๆที่ล้าสมัยจำเป็นต้องถูกโยนทิ้งเพื่อให้แต่ละฝ่ายในความขัดแย้งมีความคืบหน้าในการหาทางออก
ทรัมป์ ยังคุยโวด้วยว่า บารัค โอบามา, จอห์น ดับเบิลยู.บุช และบิล คลินตัน ต่างเคยสัญญาระหว่างหาเสียงเลือกตั้งว่าจะรับรองเยรูซาเลมในฐานะเมืองหลวงของอิสราเอล แต่ "ผมเพียงคนเดียวที่ทำตามคำสัญญาตอนหาเสียง ส่วนคนอื่นๆไม่!" เขาทวีตในวันศุกร์(8ธ.ค.)
ที่อิหร่าน ซึ่งไม่เคยยอมรับอิสราเอลและสนับสนุนพวกนักรบต่อต้านอิสราเอล พวกผู้ประท้วงพากันเผาภาพทรัมป์และเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล พร้อมกับตะโกนว่า “ไปตายซะ เจ้าปีศาจ”
ในกรุงไคโร เมืองหลวงของอียิปต์ พันธมิตรของสหรัฐฯ ซึ่งมีสนธิสัญญาสันติภาพกับอิสราเอล พวกผู้ชุมนุมหลายร้อยคนรวมตัวกันที่มัสยิดอัล-อัซฮาร์ และบริเวณลานด้านนอก พร้อมกับตะโกนว่า “เยรูซาเลมคืออาหรับ! โอ้ ทรัมป์ แกมันคนบ้า คนอาหรับอยู่ทุกหนทุกแห่ง”
นอกจากเมืองต่างๆ ข้างต้นแล้ว ยังมีรายงานพบเห็นผู้ชุมนุมจำนวนมากรวมตัวประท้วงในจอร์แดน, ตูนิเซีย, โซมาเลีย, เยเมน, มาเลเซียและอินโดนีเซียด้วย
