xs
xsm
sm
md
lg

ตอ.กลางระอุแน่! “ทรัมป์” เตรียมประกาศรับรอง “เยรูซาเลม” เป็นเมืองหลวงอิสราเอลวันนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตรียมประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลในวันนี้ (6 ธ.ค.) ละทิ้งจุดยืนที่อเมริกายึดถือมานานหลายสิบปีต่อข้อพิพาทระหว่างชาวยิวและปาเลสไตน์ และไม่ใส่ใจเสียงเตือนจากพันธมิตรทั่วโลกว่าก้าวที่ผิดพลาดของเขาอาจกระพือความขัดแย้งในตะวันออกกลางให้ปะทุรุนแรงขึ้น

เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ ยืนยันว่า ทรัมป์ จะกล่าวถ้อยแถลงสำคัญจากทำเนียบขาวในเวลา 13.00 น. (01.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 7 ธ.ค. ตามเวลาในไทย)

“ท่านจะกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกายอมรับว่าเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล” เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ระบุ “ท่านมองว่านี่คือการยอมรับความเป็นจริง ทั้งในทางประวัติศาสตร์และยุคใหม่”

ผู้นำสหรัฐฯ ยังเตรียมประกาศแผนย้ายสถานทูตอเมริกันจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลมด้วย

“คงต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อหาที่ตั้งสถานทูต จัดการปัญหาความปลอดภัย ออกแบบสถานที่ ของบประมาณ และลงมือก่อสร้าง” เจ้าหน้าที่คนเดิมเผย “กว่าจะสำเร็จคงกินเวลาหลายปี ไม่ใช่แค่เป็นเดือนๆ มันต้องใช้เวลา”

สถานะของนครอันเป็นที่ตั้งศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ของ 3 ศาสนาแห่งนี้ถือเป็นประเด็นใหญ่ในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ซึ่งต่างก็ต้องการได้นครแห่งนี้เป็นเมืองหลวงของชนชาติตน

ผู้นำหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ จอร์แดน สหภาพยุโรป ฝรั่งเศส เยอรมนี และตุรกี ต่างออกมาเตือน ทรัมป์ ว่าไม่ควรเข้าไปแทรกแซงสถานะของเยรูซาเลมเป็นอันขาด แต่ผู้นำสหรัฐฯ ดูเหมือนจะไม่รับฟัง และเตรียมทำในสิ่งที่ตนได้สัญญาไว้กับบรรดาฐานเสียงและผู้บริจาคสายอนุรักษนิยมที่เทคะแนนอุ้มตนขึ้นสู่เก้าอี้ประธานาธิบดี

รัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่อเมริกันหลีกเลี่ยงเขตเมืองเก่าเยรูซาเลมและเวสต์แบงค์ ซึ่งคาดว่าจะเกิดการประท้วงต่อต้านอย่างรุนแรง

ประชาคมโลกส่วนใหญ่ไม่ยอมรับว่าเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และย้ำว่าสถานะสุดท้ายของนครแห่งนี้จะต้องเกิดจากกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างชาวยิวและปาเลสไตน์เท่านั้น

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า ทรัมป์ พยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฐานเสียงของตัวเอง พร้อมๆ กับผลักดันกระบวนการเจรจาสันติภาพให้เดินหน้าต่อ ขณะที่ทำเนียบขาวอ้างว่าการรับรองสถานะของนครศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เป็นการ “ด่วนสรุป” เพราะความจริงก็คือ เยรูซาเลมฝั่งตะวันตกเป็นดินแดนของอิสราเอล และจะต้องเป็นต่อไป ไม่ว่าผลการเจรจาสันติภาพจะออกมาในรูปใดก็ตาม

“ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ และเชื่อว่าสันติภาพนั้นเกิดขึ้นได้” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อีกคน ระบุ “ท่านพร้อมที่จะสนับสนุนทางออกแบบ 2 รัฐควบคู่ (two-state solution) หากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบ”
ผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์จุดไฟเผาภาพประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่จัตุรัสในเมืองเบธเลเฮม ในเขตเวสต์แบงค์ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. หลังทราบข่าวว่าจะมีการย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลม ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างชาวยิวและปาเลสไตน์
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์มองว่าแนวทางของ ทรัมป์ ไม่ต่างอะไรกับการ “ฉีกทารกเป็น 2 ส่วน” ซึ่งอาจทำให้ความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะเป็นโบรกเกอร์สร้างสันติภาพในตะวันออกกลางต้องพังทลายลง และทำให้ภูมิภาคที่กำลังเผชิญปัญหาความขัดแย้งทั้งในเลบานอน ซีเรีย อิรัก เยเมน และกาตาร์ ยิ่งร้อนระอุหนักขึ้นไปอีก

ขบวนการ “ฮามาส” ซึ่งเป็นพรรคอิสลามิสต์ที่มีกองกำลังติดอาวุธ ได้ออกมาขู่แล้วว่าพวกเขาจะเริ่มต้นการลุกฮือของชาวปาเลสไตน์ (อินติฟาเฎาะห์) อีกครั้งหนึ่ง

สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบียได้มีพระราชดำรัสเตือนสหรัฐฯ ว่า การย้ายสถานทูตเป็น “ก้าวอันตราย” ที่จะสร้างความโกรธแค้นต่อชาวมุสลิมทั่วโลก ขณะที่ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกี แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์ว่า “คุณทรัมป์! เยรูซาเลมคือเส้นแดงสำหรับชาวมุสลิม”

อิสราเอลเข้ายึดเยรูซาเลมฝั่งตะวันออกซึ่งเป็นย่านคนอาหรับระหว่างสงคราม 6 วันเมื่อปี 1967 และประกาศในปี 1980 ว่าพื้นที่เยรูซาเลมทั้งหมดถือเป็น “เมืองหลวงตลอดกาลของอิสราเอลอันจะแบ่งแยกมิได้” ขณะที่ชาวปาเลสไตน์เองก็ต้องการได้เยรูซาเลมฝั่งตะวันออกเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

เมื่อปี 1995 สภาคองเกรสได้ผ่านร่างกฎหมาย Jerusalem Embassy Act ซึ่งกำหนดให้สหรัฐฯ รับรองนครแห่งนี้เป็นเมืองหลวงอิสราเอล และให้ย้ายสถานทูตไปตั้งที่นั่นด้วย แต่ขณะเดียวกันก็อนุญาตให้ประธานาธิบดีสามารถเลื่อนการบังคับใช้ออกไปก่อนได้ หากมีเหตุอันจะกระทบต่อ “ความมั่นคงของชาติ”

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งแต่ บิล คลินตัน เรื่อยมาจนถึง บารัค โอบามา ต่างใช้อำนาจสั่งเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้มาโดยตลอด
กำลังโหลดความคิดเห็น