เอเอฟพี - สหรัฐฯ ประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งมุ่งยกระดับการจัดการปัญหาผู้ลี้ภัยและผู้อพยพทั่วโลก โดยให้เหตุผลว่า “ไม่สอดคล้อง” กับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
วอชิงตันแถลงเมื่อวันเสาร์ (2 ธ.ค.) ว่า “คณะผู้แทนสหรัฐฯ ประจำยูเอ็นได้แจ้งให้เลขาธิการสหประชาชาติทราบแล้วว่า สหรัฐอเมริกาขอยุติการเข้าร่วมข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐาน (Global Compact on Migration)”
แม้หลายฝ่ายจะมองว่านี่เป็นเพียงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แต่องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International - AI) ก็ยังไม่วายตำหนิสหรัฐฯ ว่า “ละทิ้งความรับผิดชอบต่อวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งเลวร้ายที่สุดของโลก”
เมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว สมาชิกสหประชาชาติ 193 ประเทศได้มีมติสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์ต่อปฏิญญานิวยอร์กว่าด้วยเรื่องผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ ซึ่งระบุให้มีการปกป้องสิทธิผู้ลี้ภัย ช่วยเหลือให้ตั้งถิ่นฐาน และรับรองโอกาสด้านการศึกษาและประกอบอาชีพแก่คนเหล่านี้
“ปฏิญญานิวยอร์กมีข้อกำหนดหลายประการที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายผู้อพยพและผู้ลี้ภัยของสหรัฐฯ รวมถึงหลักการว่าด้วยคนเข้าเมืองของรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยเหตุนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ จึงตัดสินใจว่าสหรัฐฯ ควรยุติการเข้าร่วมกระบวนการซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงสากลภายในปี 2018” สหรัฐฯ ระบุ
นิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ยืนยันว่าอเมริกาจะยังคง “แสดงน้ำใจ” เกื้อหนุนผู้อพยพและผู้ลี้ภัยทั่วโลก แต่ก็ย้ำว่า “การตัดสินใจเรื่องนโยบายคนเข้าเมืองจะต้องเป็นสิทธิ์ของชาวอเมริกันเท่านั้น”
“สหรัฐฯ จะตัดสินใจว่าจะปกป้องพรมแดนของเราอย่างไร และใครบ้างที่จะได้รับอนุญาตให้เข้ามาในประเทศของเรา แนวทางสากลในปฏิญญานิวยอร์กนั้นไม่สอดรับกับอำนาจอธิปไตยของอเมริกา” เฮลีย์ กล่าว
มิโรสลาฟ ลาจซัก เอกอัครราชทูตสโลวาเกียซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่ยูเอ็นสมัยปัจจุบัน แสดงความผิดหวังต่อท่าทีของมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ โดยสำนักงานของเขาแถลงว่า “การอพยพย้ายถิ่นเป็นปรากฏการณ์สากลที่ทั่วโลกจำเป็นต้องมีมาตรการตอบสนอง และการร่วมมือจากหลายฝ่ายก็เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับปัญหาท้าทายระดับโลก”
ตั้งแต่ ทรัมป์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทำเนียบขาวและชูนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” (America Fisrt) สหรัฐฯ ก็ได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงสากลหลายฉบับที่รัฐบาลบารัค โอบามา เคยให้สัตยาบันเอาไว้ รวมถึงข้อตกลงภูมิอากาศปารีสซึ่งมุ่งแก้ไขปัญหาโลกร้อน
เมื่อไม่นานนี้ สหรัฐฯ ก็เพิ่งจะถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) โดยอ้างว่าหน่วยงานดังกล่าว “มีอคติต่ออิสราเอล”