เอเจนซีส์ - “คิม จองอึน” ลั่นเกาหลีเหนือเป็นรัฐนิวเคลียร์เต็มตัว หลังประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปที่ผู้เชี่ยวชาญยอมรับว่า สามารถโจมตีพื้นที่ทุกตารางนิ้วของอเมริกา ด้านทรัมป์ยกหูคุยผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่ตอบโต้ด้วยการทดสอบยิงขีปนาวุธในทันที ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นนัดหารือด่วนวันพุธ (29)
เกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) เมื่อวันพุธ (29) หลังจากว่างเว้นมา 2 เดือน โดยถือเป็นการท้าทายโดยตรงต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่เคยประกาศว่า จะไม่ยอมให้โสมแดงทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ
สถานีทีวีของทางการเกาหลีเหนือส่งรี ชุนฮี ผู้ประกาศหญิงชื่อดังที่ปรากฏตัวเฉพาะในงานสำคัญ ออกมาแถลงว่า “ผู้นำคิม จองอึนประกาศด้วยความภาคภูมิใจว่า ในที่สุดเราก็สร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นรัฐนิวเคลียร์ที่สามารถมพขีปนาวุธนิวเคลียร์เสำเร็จ
“ความสำเร็จยิ่งใหญ่ในการทดสอบฮวาซอง-15 คือชัยชนะที่ไม่อาจประเมินค่าได้ของประชาชนเกาหลีเหนือผู้ยิ่งใหญ่”
ด้านสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางสำทับว่า ขีปนาวุธที่ทดสอบล่าสุดนี้มีความซับซ้อนกว่าไอซีบีเอ็ม 2 ลูกที่โสมแดงทดสอบไปเมื่อเดือนกรกฎาคม โดยเป็นไอซีบีเอ็มที่ติดหัวรบขนาดใหญ่และสามารถโจมตีแผ่นดินใหญ่ทั้งหมดของสหรัฐฯ
เกาหลีเหนือแจงว่า ฮวาซอง-15 ลูกนี้พุ่งขึ้นสูง 4,475 กิโลเมตร หรือกว่า 10 เท่าของระดับความสูงของสถานีอวกาศนานาชาติ และตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะนอกชายฝั่งญี่ปุ่นห่างจากฐานยิง 950 กิโลเมตร โดยใช้เวลาทั้งหมด 53 นาที
สหภาพนักวิทยาศาสตร์ผู้ห่วงใย ระบุว่า การเคลื่อนที่เช่นนี้บ่งชี้ว่า หากยิงด้วยวิถีมาตรฐานแล้ว ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือมีพิสัยไกลพอที่จะโจมตีวอชิงตัน ดีซี รวมถึงพื้นที่ใดๆ ก็ตามในภูมิภาคอเมริกา
แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์หลายคนชี้ว่า เกาหลีเหนือยังต้องพิสูจน์ว่า สามารถเอาชนะอุปสรรคทางเทคนิคทั้งหมด เป็นต้นว่า ความสามารถในการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ที่หนักมากบนไอซีบีเอ็ม
อย่างไรก็ดี เจฟฟรี ลูอิส หัวหน้าโครงการเอเชียตะวันออก ซึ่งเป็นโครงการไม่แสวงผลกำไรของสถาบันมิดเดิลบิวรีเพื่อการศึกษาด้านยุทธศาสตร์ ในอเมริกา เชื่อว่า อีกไม่นานเปียงยางจะทำสิ่งดังกล่าวสำเร็จ
ทางด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่า อเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เห็นพ้องว่า ขีปนาวุธล่าสุดของเกาหลีเหนือเป็นไอซีบีเอ็ม แต่สำทับว่า การทดสอบดังกล่าวยังไม่ถือเป็นภัยคุกคามต่ออเมริกา ดินแดนและพันธมิตรของอเมริกา
ขณะที่ทรัมป์ที่เพิ่งประกาศมาตรการลงโทษเปียงยางรอบใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ รวมทั้งจัดเกาหลีเหนือขึ้นบัญชีประเทศที่ให้การสนับสนุนลัทธิก่อการร้ายอีกครั้งหนึ่ง ดูยังมึนๆ กับความเคลื่อนไหวล่าสุดของโสมแดง โดยแถลงจากทำเนียบขาวภายหลังหารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น และประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้ว่า “นี่เป็นสถานการณ์ที่เราจะต้องจัดการ”
ผู้นำสหรัฐฯ ยังยืนยันว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแนวทางต่อเกาหลีเหนือซึ่งครอบคลุมการออกมาตรการสกัดกั้นการค้าระหว่างจีนกับเกาหลีเหนือรอบใหม่
เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ขานรับว่า ทางเลือกทางการทูตยังคงเปิดกว้าง พร้อมเรียกร้องนานาชาติเพิ่มมาตรการความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งรวมถึงสิทธิในการห้ามการเดินทางทางทะเลไปยังเกาหลีเหนือ
ที่กรุงโซล กองทัพเกาหลีตอบโต้ด้วยการทดสอบยิงขีปนาวุธ หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบไอซีบีเอ็มครั้งล่าสุดไม่กี่นาที นอกจากนี้มุนยังระบุว่า ประเทศต่างๆ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเพิ่มการกดดันและแซงก์ชันเปียงยาง
ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยังออกแถลงการณ์ว่า สถานการณ์อาจเกินการควบคุม หากปล่อยให้เปียงยางพัฒนาไอซีบีเอ็มสำเร็จ พร้อมเตือนว่า เกาหลีเหนือไม่ควรประเมินสถานการณ์ต่ำเกินจริงและข่มขู่เกาหลีใต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากอาจกระตุ้นให้อเมริกาเลือกใช้วิธีโจมตีก่อน
ขณะเดียวกัน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตกลงจัดประชุมฉุกเฉินทันทีในวันพุธ และอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น ประณามเกาหลีเหนืออย่างรุนแรงว่า ละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงอย่างชัดเจน รวมทั้งยังเพิกเฉยต่อความคิดเห็นที่เป็นเอกฉันท์ของนานาชาติ
ในแถลงการณ์เมื่อวันพุธของเปียงยางยังย้ำแนวคิดของการเป็นรัฐนิวเคลียร์ที่มีความรับผิดชอบ โดยใช้คำว่า “ไม่เป็นฝ่ายโจมตีก่อน” และว่า อาวุธของเกาหลีเหนือไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อประเทศหรือภูมิภาคใดๆ ตราบที่ผลประโยชน์ของตนไม่ถูกล่วงละเมิด และย้ำว่า อาวุธเชิงยุทธศาสตร์ทั้งหมดพัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองจากการคุกคามและนโยบายขู่กรรโชกด้วยนิวเคลียร์ของจักรวรรดินิยมอเมริกา
เมลิสสา ฮันแฮม ผู้ช่วยนักวิจัยอาวุโสของโครงการเอเชียตะวันออก สถาบันมิดเดิลบิวรี มองแง่ดีว่า แถลงการณ์ดังกล่าวอาจต้องการสื่อว่า เกาหลีเหนือบรรลุเป้าหมายที่ต้องการแล้ว และหากประเทศอื่นมาเจรจาโดยดี เกาหลีเหนือก็พร้อมจะดีด้วย
ฮันแฮมยังเรียงร้องให้นานาชาติหยิบโอกาสนี้ผลักดันแนวทางการทูตกับเปียงยาง