รัสเซียทูเดย์ - รัสเซียต้องรุดส่งเครื่องบินขับไล่ซู-30 ขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังตรวจพบเครื่องบินลาดตระเวน P-8A โพไซดอนของสหรัฐฯ ลำหนึ่ง บินอยู่เหนือทะเลดำ จากถ้อยแถลงของกระทรวงกลาโหมแดนหมีขาวในวันอังคาร (28 พ.ย.) พร้อมกล่าวหาเครื่องบินสอดแนมของอเมริกาบินมุ่งเข้าหาชายแดนของรัสเซียด้วยความเร็วสูง
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่าเครื่องบินขับไล่ของพวกเขาเข้าสกัดเครื่องบินลาดตระเวนของกองทัพเรือสหรัฐฯ ตอนเวลา 13.00 น.(ตรงกับเมืองไทย 17.00 น.) ตอนที่มันกำลังบินอยู่เหนือน่านน้ำสากลของทะเลดำ
“หลังจากเคลื่อนเข้าไปใกล้ เครื่องบินขับไล่ซู-30 ของรัสเซีย บินเหนือเครื่องบินลำดังกล่าวและสามารถระบุตัวตนด้วยสายตาว่ามันเป็นเครื่องบินลาดตระเวน P-8A โพไซดอนของสหรัฐฯ” ถ้อยแถลงระบุ พร้อมเผยต่อว่าหลังจากถูกสกัดโดยกองทัพอากาศรัสเซีย เครื่องบินสอดแนมของอเมริกาได้เปลี่ยนเส้นทางและบินจากไป
เมื่อเดือนตุลาคม พล.อ.อ.วิกตอร์ เซวอสต์ยานอฟ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศรัสเซียในมณฑลทหารภาคใต้ เผยสหรัฐฯ ได้ส่งโดรนที่ส่วนใหญ่เป็น โกลบัล ฮอว์ก ดำเนินภารกิจลาดตระเวนในเขตทะเลดำมากกว่า 100 เที่ยวในปีนี้ โดยเส้นทางหลักของเครื่องบินสอดแนมเหล่านั้นอยู่แถวแหลมไครเมียและบินห่างจากชายแดนของรัสเซียแค่ราว 10-15 กิโลเมตร
เหตุการณ์ในวันอังคาร (28 พ.ย.) ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียต้องส่งเครื่องบินรบเข้าสกัดเครื่องบินต่างชาติที่ตรวจพบใกล้ชายแดนของพวกเขา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ซู-27ของรัสเซีย เข้าสกัดเครื่องบินเอฟ-16 ของนาโต้ หลังมันบินเข้าใกล้เครื่องบินลำหนึ่งซึ่งมี เซอร์เก ซอยกู รัฐมนตรีกลาโหมแดนหมีขาวโดยสารมาด้วย ระหว่างทางที่มุ่งหน้าสู่จังหวัดคาลินินกราด ทางตะวันตกของรัสเซีย