รอยเตอร์ - วิกฤตการเมืองในซิมบับเวยังวุ่น “เอมแนนแกกวา” หัวหน้าพรรครัฐบาลคนใหม่ เผยรัฐสภาจะเริ่มกระบวนการถอดถอนมูกาเบในวันอังคาร (21 พ.ย.) หากผู้นำชราไม่ยอมลาออกโดยดี ด้านมูกาเบยังทำไม่รู้ไม่ชี้ เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีหน้าตาเฉยในวันเดียวกัน
พรรคซานู-พีเอฟ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของซิมบับเว เตรียมยื่นญัตติต่อรัฐสภาให้ถอดถอน โรเบิร์ต มูกาเบ วัย 93 ปี จากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังสิ้นสุดเส้นตายเที่ยงวันจันทร์ (20 พ.ย.) โดยที่มูกาเบยังไม่มีทีท่ายอมลงจากบัลลังก์อำนาจที่ผูกขาดมาเกือบ 4 ทศวรรษ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (18 พ.ย.) ชาวซิมบับเวเรือนแสนพร้อมใจออกไปฉลองบนท้องถนนในกรุงฮาราเร โดยคาดหวังว่ามูกาเบกำลังจะประกาศลาออกในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แต่ผู้นำเฒ่ากลับดับความหวังของประชาชนด้วยการปราศรัยทางทีวีในคืนวันอาทิตย์ (19 พ.ย.) โดยไม่พาดพิงถึงตำแหน่งของตนแม้แต่คำเดียว
มูกาเบถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพักหรูหราส่วนตัว “บลูรูฟ” ในเมืองหลวง ตั้งแต่กลางสัปดาห์ที่แล้วที่ทหารเข้ายึดอำนาจ แต่ได้เดินทางออกจากบ้านพัก 2 ครั้ง เพื่อพบกับเหล่านายทหารระดับสูง ส่วนอีกครั้งเป็นการเดินทางไปร่วมพิธีแจกปริญญาบัตร
นอกจากไม่มีวี่แววประกาศลาออกแล้ว ผู้นำในสงครามปลดปล่อยซิมบับเวผู้นี้ ยังเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคาร ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่เหล่ารัฐมนตรีมาพบกันหลังจากทหารเข้ายึดอำนาจ
รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศกล่าวในวันอังคารว่า ไม่รู้จะมีรัฐมนตรีร่วมประชุมกี่คน
ขณะเดียวกัน เอมเมอร์สัน เอมแนนแกกวา หัวหน้าพรรคซานู-พีเอฟ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มูกาเบฟังเสียงประชาชนและลาออก เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปและรักษาความดีงามในอดีตของตนเอง
กองทัพซิมบับเวเข้ายึดอำนาจหลังจากที่มูกาเบปลดเอ็มแนนแกกวาจากตำแหน่งรองประธานาธิบดี เพื่อปูทางถ่ายโอนอำนาจให้เกรซ ภรรยาที่อายุอ่อนกว่าถึง 41 ปี และเป็นคนที่ชาวซิมบับเวไม่นิยมชมชอบ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า เอมแนนแกกวาวางแผนสืบทอดตำแหน่งจากมูกาเบโดยมีกองทัพให้การสนับสนุน และจะตั้งเป็นรัฐบาลเพื่อการปรองดองแห่งชาติเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และเพื่อให้มูกาเบยังสามารถเชิดหน้าชูคอในต่างประเทศได้อย่างสง่างาม โดยเป้าหมายสำคัญคือเพื่อฟื้นเสถียรภาพเศรษฐกิจ
อดีตประธานาธิบดีผู้นี้เคยเป็นผู้ช่วยสำคัญของมูกาเบมาตลอดหลายทศวรรษ และถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการกวาดล้างผู้ที่คิดท้าทายประธานาธิบดี
เอมแนนแกกวาเผยว่า เขาเดินทางออกนอกประเทศหลังถูกปลดจากตำแหน่งรองประธานาธิบดีและจากพรรคซานู-พีเอฟ เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง ระหว่างนั้นเขายังติดต่อกับมูกาเบและได้รับการชักชวนให้กลับประเทศ แต่เขายืนกรานว่า จะกลับต่อเมื่อได้รับการรับประกันความปลอดภัย
เขาสำทับว่า ความปรารถนาในตอนนี้คืออยู่ร่วมกับชาวซิมบับเวย์ใน “ยุคใหม่” ที่จะมีการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกคน
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ถอดถอนของพรรคซานู-พีเอฟที่ขับมูกาเบจากพรรคเมื่อวันอาทิตย์ (19 พ.ย.) มีการกล่าวหาผู้นำชราว่า เป็นต้นตอของความไร้เสถียรภาพ ไม่เคารพหลักนิติธรรม และบริหารกระทั่งเศรษฐกิจมีสภาพแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดช่วง 15 ปีล่าสุด รวมทั้งละเมิดรัฐธรรมนูญเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ “กุชชี่ เกรซ” ซึ่งเป็นสมญานามที่ได้รับจากพฤติกรรมการซื้อของหรูหราราคาแพง
โชคชะตาที่พลิกผันของเกรซได้รับการตอกย้ำเมื่อวันจันทร์ โดยหนังสือพิมพ์เฮรัลด์ของรัฐบาลที่เคยชื่นชมสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งผู้นี้ว่าเป็น “แม่แห่งชาติ” กลับพาดหัวว่า “สันนิบาตยุวชนประณามสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งไร้วัฒนธรรม”
“เกรซ มูกาเบ ขาดความสนใจในการดูแลตัวเองและไม่มีความเป็นแม่ ดังจะเห็นได้จากภาษาน่าคลื่นไส้ที่เธอใช้”