เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศให้เกาหลีเหนือเป็นหนึ่งในบรรดา “รัฐที่สนับสนุนลัทธิก่อการร้าย” เมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกาย้ำวอชิงตันยังไม่หมดหวังที่จะเจรจาเพื่อยุติการเผชิญหน้าด้านนิวเคลียร์กับระบอบคิม จองอึน
ทรัมป์ ยืนยันว่ากระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะใช้มาตรการคว่ำบาตรบีบคั้นโสมแดงให้หนักหน่วงขึ้น หลังจากที่ใส่ชื่อรัฐคอมมิวนิสต์โดดเดี่ยวแห่งนี้ลงในบัญชีรัฐสนับสนุนก่อการร้ายเช่นเดียวกับอิหร่านและซีเรีย
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า เกาหลีเหนือควรจะถูกขึ้นบัญชีรัฐก่อการร้าย “ตั้งนานแล้ว... ตั้งแต่หลายปีที่แล้ว” พร้อมอ้างไปถึงการตายของ ออตโต วอร์มเบียร์ นักศึกษาชาวอเมริกันที่ถูกคุมขังในเกาหลีเหนือ รวมถึงกรณีที่ คิม จองนัม พี่ชายผู้นำโสมแดง ถูกคนร้ายใช้สารพิษทำลายประสาทลอบสังหารที่มาเลเซีย
อย่างไรก็ตาม เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ยืนยันกับสื่อมวลชนหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า สหรัฐฯ ยังไม่ถอดใจในการใช้วิธีคว่ำบาตรควบคู่ไปกับการทูตเพื่อตะล่อมให้ผู้นำเกาหลีเหนือยอมเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์
“เรายังหวังว่าการทูตจะได้ผล” เขากล่าว
ทิลเลอร์สัน ย้ำด้วยว่าบทลงโทษจากนานาชาติส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเปียงยาง “มากพอสมควร” แม้จีนจะยังไม่ระงับส่งออกน้ำมันไปยังโรงกลั่นที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวในเกาหลีเหนือก็ตามที
“จากข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่เรารวบรวมมาได้ รวมถึงแหล่งข่าวกรอง ทำให้เราทราบว่าพวกเขากำลังประสบปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิง เราทราบว่ารายได้ของพวกเขาลดลง ดังนั้น ผมเชื่อว่าการคว่ำบาตรมีผล และบางทีอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่แสดงพฤติกรรมยั่วยุเราตลอด 60 วันมานี้ก็เป็นได้”
แม้การถูกขึ้นบัญชีรัฐสนับสนุนก่อการร้ายอาจไม่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในทันที แต่ ทรัมป์ ขู่ว่าสหรัฐฯ จะทยอยประกาศบทลงโทษโสมแดงตลอดช่วง 2 สัปดาห์หน้า โดยเริ่มจากมาตรการคว่ำบาตร “ชุดใหญ่” ของกระทรวงการคลังในวันนี้ (21 พ.ย.)
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังเชื่อว่า การใส่ชื่อโสมแดงกลับเข้าไปในบัญชีรัฐก่อการร้ายหลังจากที่อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช เคยสั่งถอดออกไปเมื่อปี 2008 นั้น จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยกดดันให้ประเทศอื่นๆ และสถาบันการเงินต่างชาติต้องปฏิบัติตามมติคว่ำบาตรของยูเอ็นอย่างเข้มงวด
“นอกจากจะเอาการทำลายล้างด้วยนิวเคลียร์มาข่มขู่ชาวโลกแล้ว เกาหลีเหนือยังสนับสนุนการก่อการร้ายสากล รวมถึงการลอบสังหารบุคคลในต่างประเทศ” ทรัมป์ กล่าว
“เราตัดสินใจออกมาตอบโต้ในวันนี้ ด้วยความรำลึกถึง ออตโต วอร์มเบียร์”
นักศึกษาหนุ่มจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียผู้นี้ถูกศาลเกาหลีเหนือลงโทษใช้แรงงานหนัก 15 ปี ด้วยข้อหาขโมยโปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อออกไปจากโรงแรมในกรุงเปียงยางเมื่อต้นปี 2016 เขาได้รับการช่วยเหลือกลับสหรัฐฯ ในสภาพล้มป่วยโคมา ก่อนจะเสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลในเมืองซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงร่ำลือในหมู่เจ้าหน้าที่ว่าเขาถูกโสมแดงทรมานร่างกายอย่างหนัก
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนยอมรับว่า นอกจากกรณีของ วอร์มเบียร์ และ คิม จองนัม แล้วยังมีเหตุลอบสังหารอื่นๆ ที่พัวพันถึงเกาหลีเหนือด้วย แต่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ถือว่าข้อมูลเหล่านี้ “เป็นความลับ”
ทำเนียบขาวยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เกาหลีเหนือทดสอบหรือประจำการขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ที่อาจยิงหัวรบนิวเคลียร์มาโจมตีเมืองในสหรัฐฯ ได้เป็นอันขาด แต่ล่าสุดมีข้อสันนิษฐานจากผู้เชี่ยวชาญว่า โสมแดงน่าจะบรรลุถึงศักยภาพดังกล่าวได้ภายในอีก “ไม่กี่เดือน”
สหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้จีนซึ่งเป็นพันธมิตรและประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของเกาหลีเหนือใช้มาตรการทางเศรษฐกิจกดดันให้ผู้นำคิมยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลว่า ทรัมป์ เตรียมบทลงโทษอะไรไว้ให้กับโสมแดงบ้าง แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดเดาว่าอาจจะเป็นมาตรการคว่ำบาตรขั้นทุติยภูมิต่อธนาคารจีน ขณะที่นักการทูตเอเชียคนหนึ่งเชื่อว่าน่าจะมีบทลงโทษต่อพ่อค้าโสมแดงที่ประกอบธุรกิจในแดนมังกรด้วย
นักการทูตรายนี้กล่าวเสริมว่า อันที่จริงสหรัฐฯ ต้องการปิดกั้นการส่งน้ำมันไปยังเกาหลีเหนืออย่างเต็มรูปแบบ ทว่าจีนไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าจะทำให้ระบอบคิมถึงขั้นล่มสลาย และนำมาซึ่งความโกลาหลบริเวณแนวชายแดน