รอยเตอร์ - ชาร์ลส์ แมนสัน เจ้าลัทธิสังหารหมู่ซึ่งถูกจำคุกตลอดชีวิตฐานบงการให้สาวกก่อเหตุฆาตกรรมสุดเหี้ยมที่รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปลายทศวรรษ 1960 เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวานนี้ (19 พ.ย.) ขณะมีอายุได้ 83 ปี
สำนักงานราชทัณฑ์แห่งรัฐแคลิฟอร์เนียแถลงว่า แมนสัน เสียชีวิตด้วยสาเหตุทางธรรมชาติที่โรงพยาบาลเทศมณฑลเคิร์น แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด
ฆาตกรเฒ่ารายนี้ใช้ชีวิตอยู่ที่เรือนจำคอร์คอแรนมานานกว่า 40 ปี หลังถูกตัดสินจำคุกตลอดชีพในข้อหาบงการสังหารเหยื่อรวมทั้งหมด 9 ราย และหนึ่งในนั้นคือนักแสดงสาว “ชารอน เทต” ที่ถูกฆ่าตายภายในบ้านพักขณะตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน
แม้เรื่องราวของเขาจะเงียบหายไปจากสื่อนานแล้ว แต่ชื่อของ แมนสัน ก็ยังเตือนให้ชาวอเมริกันรำลึกถึงคดีสังหารหมู่อันโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นในฤดูร้อนปี 1969
แมนสัน ถือเป็นอาชญากรชื่อดังที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 20 จากการก่อตั้งลัทธิคลั่งวันสิ้นโลก และยุยงให้สาวกซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวลงมือฆาตกรรมเหยื่อ 7 รายในย่านคนผิวขาวของนครลอสแองเจลิสเพื่อป้ายสีคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน โดยหวังว่าจะเป็นชนวนไปสู่สงครามระหว่างเชื้อชาติ
ภาพถ่ายเมื่อเร็วๆ นี้เผยให้เห็นว่าฆาตกรเฒ่าเคราขาวยังคงมีแผลเป็นรูปเครื่องหมายสวัสติกะที่เขากรีดลงบนหน้าผากของตัวเองเมื่อหลายสิบปีก่อน
เช้าตรู่ของวันที่ 9 ส.ค. ปี 1969 เทต วัย 26 ปี ถูกสาวกของ แมนสัน บุกเข้าไปจ้วงแทงถึง 16 ครั้งที่บ้านพักบนเนินเขาในย่านเบเนดิกต์แคนยอน นครลอสแองเจลิส ซึ่งเธออาศัยอยู่กับ โรมัน โปลันสกี สามีผู้กำกับภาพยนตร์ชาวฝรั่งเศส-โปแลนด์ ทำให้นักแสดงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอดเสียชีวิตคาที่ และคนร้ายได้ใช้เลือดของเธอเขียนคำว่า “หมู” (Pig) ทิ้งเอาไว้ที่หน้าประตูบ้าน
เพื่อนอีก 4 คนของ เทต ซึ่งรวมถึง อาบิเกล โฟลเกอร์ ทายาทธุรกิจกาแฟ และช่างผม เจย์ เซบริง ก็ถูกสาวกของแมนสันฆ่าตายในคืนเดียวกัน และอีกคืนถัดมาสาวกของเจ้าลัทธิโหดก็ได้ใช้มีดแทง ลีโน ลาเบียงกา ผู้บริหารซูเปอร์มาร์เกตกับภรรยา โรสแมรี จนเสียชีวิต
แม้ว่า แมนสัน จะไม่ได้ลงมือฆ่าบุคคลทั้ง 7 คนด้วยตัวเอง แต่ศาลพิพากษาว่าเขามีความผิดฐานบงการสังหารหมู่
แมนสัน ยังถูกดำเนินคดีฐานบงการฆ่านักดนตรี แกรี ฮินแมน ในเดือน ก.ค.ปี 1969 รวมถึง โดนัลด์ “ชอร์ตี” เชีย สตันท์แมนฮอลลีวูดซึ่งถูกฆาตกรรมในเดือน ส.ค.ปีเดียวกัน
แมนสัน ถูกตัดสินประหารชีวิตจากคดีฆาตกรรม เทต-ลาเบียงกา ทว่าต่อมาได้รับการลดโทษเหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากศาลสูงแคลิฟอร์เนียยกเลิกโทษประหารในปี 1972
แมนสัน มีชื่อเดิมว่า “ชาร์ลส์ มิลเลส แมดด็อกซ์” เกิดเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ปี 1934 ที่เมืองซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ ใช้ชีวิตวัยเยาว์อยู่กับญาติสลับกับการถูกส่งเข้าสถานพินิจ และเคยก่อคดีปล้นทรัพย์เมื่ออายุได้ 13 ปี
หลังได้รับอนุญาตทำทัณฑ์บนในปี 1967 แมนสัน เริ่มสร้างกลุ่มของตนเองขึ้นที่ย่านไฮต์-แอชบิวรีของนครซานฟรานซิสโก โดยเรียกพวกเขาว่า “ครอบครัว” (family) ก่อนจะย้ายไปปักหลักที่นครลอสแองเจลิส ด้วยบุคลิกอันมีเสน่ห์และความเชื่อทางจิตวิญญาณที่ผิดเพี้ยน ทำให้แมนสันกลายเป็นเสมือน “พระเจ้า” ของพวกคนไร้บ้าน พวกที่สังคมรังเกียจ และอาชญากร
สาวกหญิงคนหนึ่งให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า แมนสัน ทำให้นกที่ตายฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ด้วยการเป่าลมหายใจไปที่ตัวมัน และเจ้าลัทธิผู้นี้มองเห็นและได้ยินทุกๆ อย่างที่เธอพูดหรือทำ