รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้กล่าวในวันนี้ (14 พ.ย.) ว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้เกาหลีเหนือทำลายคลังอาวุธนิวเคลียร์ของพวกเขาในทันที ถึงแม้ว่าจะต้องการทำเช่นนั้นก็ตาม เนื่องจากโครงการอาวุธของพวกเขาถูกพัฒนาไปมากแล้ว
เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักของนานชาติที่จะให้ยุติโครงการอาวุธที่ถูกผลักดันโดยไม่สนมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่พวกเขาประกาศกร้าวว่าจะไม่ยอมละทิ้งคลังอาวุธนิวเคลียร์ของพวกเขา
ในการพูดคุยกับผู้สื่อข่าวในฟิลิปปินส์ มุนกล่าวว่า หากเกาหลีเหนือยอมตกลงพูดคุย การเจรจาอาจมีขึ้นโดยเปิดกว้างทุกช่องทางเลือก
“หากการพูดคุยเริ่มขึ้นเพื่อแก้ไขประเด็นนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ผมรู้สึกมันจะเป็นการยากสำหรับเกาหลีเหนือที่จะทำลายความสามารถด้านนิวเคลียร์ของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ในเวลาที่คลังนิวเคลียร์และขีปนาวุธของพวกเขาอยู่ในขั้นพัฒนาแล้ว” มุน กล่าวโดยสรุป
“หากเป็นเช่นนั้น โครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือควรถูกระงับ และการเจรจาควรเป็นไปเพื่อการทำให้การปลดอาวุธนิวเคลียร์ประสบความสำเร็จ” ความคิดเห็นนี้ของมุนถูกเผยแพร่โดยทำเนียบสีฟ้า
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โสมแดงระบุว่าพวกเขาไม่ได้คัดค้านการเจรจา แต่จะยกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์สูงสุดของดีพีอาร์เคและความปลอดภัยของประชาชนขึ้นมาพูดคุยบนโต๊ะเจรจาต่อรอง”
“เราไม่สนใจการพูดคุยและเจรจาเช่นนั้นแม้แต่น้อย” สำนักข่าวของทางการเกาหลีเหนือ ระบุ โดยเรียกประเทศตัวเองด้วยชื่ออย่างเป็นทางการ คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (Democratic People's Republic of Korea หรือ ดีพีอาร์เค)
เกาหลีเหนือปกป้องโครงการนี้ในฐานะการป้องกันตนเองจากแผนรุกรานของสหรัฐฯ สหรัฐฯซึ่งมีทหาร 28,500 คนในเกาหลีใต้ มรดกจากสงครามเกาหลีช่วงปี 1950-1953 ปฏิเสธว่าไม่มีความตั้งใจเช่นนั้น
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯผลัดกันดูหมิ่นและข่มขู่กันไปมากับผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ในขณะที่เกาหลีเหนือ มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคีลยร์ที่สามารถยิงไปถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ
ทรัมป์พูดข่มขู่การปราศรัยต่อยูเอ็นครั้งแรกของเขาว่าจะทำลายเกาหลีเหนือจนไม่เหลือซาก หากสหรัฐฯ ถูกคุกคามและกล่าวว่าเวลาสำหรับการพูดคุย นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯชุดก่อนหน้า ได้หมดลงแล้ว
มุนย้ำจุดยืนของเขาว่า ตอนนี้เป็นเวลาที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือเพื่อให้พวกเขาเข้าสู่การเจรจา