รอยเตอร์ - ชาติอาหรับอย่าง ซาอุดีอาระเบีย, คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในวันพฤหัสบดี (9 พ.ย.) แนะนำพลเมืองงดเดินทางไปยังเลบานอนและขอให้บุคคลใดก็ตามที่อยู่ในประเทศแห่งนี้ “เดินทางกลับออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ท่ามกลางความตึงเครียดที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่าน ในเรื่องเกี่ยวกับเลบานอนและเยเมน
สำนักข่าวเอสพีเอ สื่อมวลชนแห่งรัฐของซาอุดีอาระเบีย อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศระบุว่า มีคำแนะนำแจ้งถึงพลเมืองให้งดเดินทางไปยังเลบานอน ขณะที่ผู้ที่พำนักอยู่ในเลบานอนอยู่แล้ว ก็ขอให้เดินทางออกมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในเวลาต่อมา มีรายงานว่า คูเวตและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้แจ้งเตือนพลเมืองผ่านสำนักข่าวต่างๆ ให้งดเดินทางไปยังเลบานอนเช่นกัน หลังจากก่อนหน้านี้ บาห์เรน เป็นประเทศแรกๆที่ขอให้พลเมืองออกจากเลบานอนเมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ย.)
ซาอัด อัล-ฮารีรี นายกรัฐมนตรีเลบานอน ประกาศลาออกระหว่างที่กำลังอยู่ในซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันเสาร์ (4 พ.ย.) โดยอ้างว่ากลัวถูกลอบสังหาร พร้อมกล่าวหาอิหร่านและพวกฮิซบอลเลาะห์ กลุ่มติดอาวุธชีอะห์เลบานอน กำลังบ่มเพาะให้เกิดความขัดแย้งในโลกอาหรับ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับตาลปัตรในวันพฤหัสบดี (9 พ.ย.) เมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเลบานอน 2 คน กล่าวหาว่าเป็นทางริยาดเองที่บีบให้เขาอยู่ที่นั่น สั่งให้เขาอ่านแถลงการณ์ลาออกและกักบริเวณเขา
กระนั้นทางซาอุดีอาระเบียและสมาชิกของขบวนการเคลื่อนไหว Future Movement ของ ฮารีรี ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่าเขาถูกกักบริเวณ
รัฐมนตรีกิจการอ่าวเปอร์เซียของซาอุดีอาระเบีย กล่าวหาเลบานอน ประกาศสงครามกับประเทศของเขา และกล่าวหาว่าพวกฮิซบอลเลาะห์ เลบานอน เกี่ยวข้องกับเหตุยิงขีปนาวุธจากเยเมนลูกหนึ่งเข้าใส่ซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ (4 พ.ย.) ซึ่งริยาดกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของกบฏฮูตี ที่มีอิหร่านเป็นผู้สนับสนุน
ฝ่ายการเมืองของฮิซบอลเลาะห์ในวันพฤหัสบดี (9 พ.ย.) เรียกร้องซาอุดีอาระเบีย หยุดแทรกแซงกิจการภายในของเลบานอน