เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - เจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัล ที่ยังอยู่ในการควบคุมตัวเวลานี้ ทำให้รูเพิร์ต เมอร์ด็อกต้องกุมขมับ หลังพบเจ้าชายแอบเทขายหุ้นบริษัท ทเวนตี้ เฟิสต์ เซนจูรี ฟ็อกซ์ (21st Century Fox) ที่ถืออยู่ในมือมากกว่า 6% ทิ้ง สุดอึ้ง พบตัวเลขหุ้นที่ถือเป็นศูนย์เมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ผ่านมา ด้านฟอร์บส์รายงาน ทันทีหลังเจ้าชายถูกจับกุม มูลค่าทรัพย์สินหายไปร่วม 2.8 พันล้านดอลลาร์ ลำดับความร่ำรวยหล่นจากที่ 64 ในวันเกิดเหตุ (4 พ.ย.) ตกลงมาที่ 83 ในเวลานี้
เดอะการ์เดียนรายงานเมื่อวานนี้ (8 พ.ย.) ว่า หนึ่งในพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญของเจ้าพ่อสื่อโลกตะวันตก รูเพิร์ต เมอร์ด็อก พบว่าได้ขายหุ้นบริษัทของเมอร์ด็อกทิ้งทั้งหมดโดยไม่ทราบเหตุผล
ทั้งนี้พบว่า เจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัล หนึ่งในสมาชิกราชวงศ์ที่ยังอยู่ในการควบคุมตัวของริยาด ซึ่งได้ลงทุนผ่านบริษัทการลงทุนส่วนพระองค์ บริษัท คิงดอม โฮลดิง (Kingdom Holding) พบว่าในจุดหนึ่ง พระองค์ได้ทรงถือหุ้นในบริษัททเวนตี้ เฟิสต์ เซนจูรี ฟ็อกซ์ (21st Century Fox) มีมากกว่า 6% และทำให้สื่ออังกฤษชี้ว่า พระองค์ทรงเป็นเสมือนหลักประกันความปลอดภัยให้กับทางตระกูลเมอร์ด็อกควบคุมอาณาจักรธุรกิจของตัวเอง
สื่ออังกฤษชี้ต่อว่า เจ้าชายนักลงทุนแห่งซาอุฯทรงมีหุ้นในเครือบริษัทของตระกูลเมอร์ด็อก ที่รวมไปถึง ฟ็อกซ์ และ นิวส์ คอร์ป (Fox and News Corp) เจ้าของหนังสือพิมพ์เดอะซันของอังกฤษ สื่อไทม์ และหนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นัล
โดยพบว่าพระองค์ทรงถือหุ้นเหล่านี้มาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี และในอดีตเจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัลยังทรงประกาศสนับสนุนในทางสาธารณะต่อตระกูลเมอร์ด็อก หลังเกิดเหตุอื้อฉาวข่าวดักฟังโทรศัพท์ นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ (News of the World) เมื่อปี 2011
ทั้งนี้อ้ างอิงจากการยื่นต่อเมืองนิวยอร์ก ซิตี เอกสารแสดงให้เห็นว่า เจ้าชายซาอุฯทรงลดการถือครองหุ้นลงไปที่ 4.9% เมื่อเดือนธันวาคม 2015 และจากข้อมูลวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กได้ชี้ว่า “จำนวนหุ้นที่พระองค์ถือได้หล่นเป็นศูนย์” นับตั้งแต่สิ้นไตรมาสล่าสุด ในวันที่ 30 ก.ย ที่ผ่านมา
เดอะการ์เดียนรายงานว่า ในขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเหตุใดเจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัล ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก จึงทรงขายหุ้นเหล่านี้ออกไปจนหมด หรือใครที่เป็นคนรับซื้อหุ้นต่อจากเจ้าชาย ซึ่งข่าวการขายหุ้นออกไปไม่ถือเป็นข่าวดีสำหรับตระกูลเมอร์ด็อก บวกกับการรายงานที่เปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า ทางฟ็อกซ์ได้อยู่ในระหว่างการเจรจากับดีสนีย์ถึงการขายบริษัทเกือบทั้งหมด
พบว่าตระกูลเมอร์ด็อกควบคุมเสียงโหวตการตัดสินใจ 39% ในบริษัทฟ็อกซ์ ส่งผลทำให้ทางเมอร์ด็อมีอำนาจตัดสินใจแบบเบ็ดเสร็จ แต่อย่างไรก็ตาม ในการถือหุ้น พบว่าตระกูลเมอร์ด็อกถืออยู่แค่ 17% เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา มีข่าวอื้อฉาวดีลการซื้อขายระหว่างฟ็อกซ์และสื่อทีวีอังกฤษ สกายนิวส์ (Sky News) และทำให้ต้องทางการอังกฤษเข้ามาตรวจสอบ
ทั้งนี้พบว่า เจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัล ทรงเป็นหนึ่งในบรรดาเจ้าชายซาอุฯ 11 พระองค์ รวมไปถึงรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐบาลซาอุฯ ระดับสูง และนักธุรกิจคนสำคัญในการกวาดล้างคอร์รัปชันครั้งใหญ่เมื่อวันเสาร์ (4 พ.ย.) ของกษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุฯ ที่ได้ทรงแต่งตั้งมกุฎราชกุมารเป็นผู้ดำเนินการปราบปรามคอร์รัปชัน
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงาน 2 วันก่อนหน้าว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ซาอุฯ ได้ให้ภาพถ่ายภายในโรงแรมริตซ์ คาร์ลตันกลางกรุงริยาด ซึ่งสื่ออังกฤษชี้ว่า แหล่งข่าวยืนยันอย่างหนักแน่นว่า เจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัลทรงต้องบรรทมบนพื้นเหมือนเช่นคนอื่นภายในโรงแรมหรูแห่งนี้
บลูมเบิร์กรายงานเพิ่มเติมว่า แหล่งข่าวระดับสูงของทางการซาอุฯ ชี้ว่า เจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัล ทรงถูกตั้งข้อหาฟอกเงิน ให้สินบน และกรรโชกทรัพย์ ซึ่งอัยการสูงสุดซาอุฯ กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ผู้ต้องสงสัยทุกคนจะได้รับการไต่สวน และสามารถติดต่อทนายความได้
ฟอร์บส์รายงานล่าสุดวันอังคาร (7 พ.ย.) ว่า มูลค่าทรัพย์สินของเจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัล หลังจากที่ทรงถูกจับกุมแล้วลดลง โดยมีการชี้ว่ามีการตกลงอย่างแรงในมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเมื่อวันอังคาร (7) ถึง 855 ล้านดอลลาร์ หลังจากหุ้นของบริษัท คิงดอม โฮลดิง ตกลงมาอย่างหนัก และร่วงอย่างต่อเนื่องไม่หยุดที่ตลาดหลักทรัพย์ริยาด
โดยรวมแล้วฟอร์บส์ชี้ว่า นับตั้งแต่พระองค์ถูกจับกุมในคืนวันเสาร์ (4 พ.ย.) มูลค่าทรัพย์สินของพระองค์หายไปถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์ และสื่อธุรกิจได้ประเมินว่าในเวลานี้เจ้าชายนักลงทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยรวมที่ 15.9 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น
โดยพบว่าในเวลานี้ พระองค์ถูกจัดเป็นผู้ที่ร่ำรวยของในโลกในลำดับที่ 83 ในขณะที่ในวันเสาร์ (4 พ.ย.) วันถูกจับกุม เจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัล ถูกจัดเป็นผู้ที่ร่ำรวยเป็นลำดับที่ 64 ของโลก