เอเอฟพี - กระแสแอนตี้ทรัมป์ชัดเจนมากขึ้น หลังพรรคเดโมแครตคว้าชัยการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ นายกเทศมนตรี และอัยการรัฐในสนามสำคัญ ดับอารมณ์ลิงโลดจากวันครบรอบหนึ่งปีชัยชนะในศึกชิงทำเนียบขาวสนิท และยังตอกย้ำอุปสรรคขวากหนามเบื้องหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องเผชิญในฐานะประธานาธิบดีที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบ
เมื่อวันอังคาร (7 พ.ย.) ในสหรัฐฯ มีการจัดการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในหลายสนาม ซึ่งถือเป็นการทดสอบ
ครั้งใหญ่ต่ออิทธิพลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนหน้าการเลือกตั้งกลางสมัยในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า และเมื่อผลปรากฏออกมาในคืนวันเดียวกัน ทั้งสื่อและผู้สังเตการณ์ทางการเมืองต่างบอกว่านี่เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า คนอเมริกันจำนวนมากหันหลังให้การเมืองแห่งความแตกแยกของทรัมป์
ความพ่ายแพ้ใหญ่ของทรัมป์คือที่เวอร์จิเนีย รัฐที่ทรงความสำคัญสำหรับทิศทางการเมืองระดับชาติของอเมริกา ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งกลางสมัยในปี 2018 และการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไปในปี 2020 โดยผลปรากฏว่าผู้สมัครของเดโมแครต คือ รองผู้ว่าการรัฐ ราล์ฟ นอร์ทัม ชนะได้เป็นผู้ว่าการคนใหม่ แถมเขาสามารถทำคะแนนทิ้งห่าง เอ็ด กิลเลสพี จากรีพับลิกัน 9% ซึ่งมากเกินความคาดหมาย
ส่วนที่นิวเจอร์ซีย์ ฟิล เมอร์ฟี ผู้สมัครจากเดโมแครต คว้าชัยได้เป็นผู้ว่าการรัฐสำเร็จ หลังจากมลรัฐนี้อยู่ภายใต้การบริหารของคริส คริสตี้ ผู้ว่าการรัฐจากรีพับลิกันและพันธมิตรของทรัมป์ มาเป็นเวลานาน 8 ปี
ที่นครนิวยอร์ก เมืองที่มีประชากรมากที่สุดของอเมริกา นายกเทศมนตรีบิลล์ เดอ บลาสิโอ ซึ่งมีแนวคิดแบบเสรีนิยมจ๋า ขี่กระแสรังเกียจทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นพ่อเมืองต่ออีกสมัย
ทั้งเมอร์ฟีและนอร์ทัมต่างป่าวประกาศว่า ชัยชนะของพวกเขาคือการปฏิเสธแนวคิดแบ่งขั้วที่พลุ่งพล่านในระหว่างการหาเสียงของทรัมป์เมื่อปีที่แล้วและต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ในทำเนียบขาว
ผลการเลือกตั้งเมื่อวันอังคารยังบ่งชี้โชคชะตาการเมืองที่กำลังพลิกกลับสำหรับเดโมแครต หลังจากไม่สามารถเก็บชัยชนะได้มากพอในการเลือกตั้งพิเศษในหลายรัฐก่อนหน้านี้จนทำให้เกิดความกังวลกันว่า เดโมแครตจะต่อต้านอิทธิพลของทรัมป์ในการเมืองอเมริกันได้อย่างไร
ทอม เปเรซ ประธานคณะกรรมการแห่งชาติพรรคเดโมแครต กล่าวกับโทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็นว่า การเลือกตั้งที่เพิ่งจบลง คือการลงประชามติเกี่ยวกับค่านิยมอเมริกัน
ทางด้านทรัมป์ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างตระเวนเยือนเอเชีย รีบถอยฉากจากกิลเลสพี ที่ไม่ได้ช่วยเขาหาเสียงในเวอร์จิเนียเมื่อปีที่แล้ว โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯทวิตจากเกาหลีใต้ว่า กิลเลสพีทุ่มเทอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้ยอมรับเขาหรือจุดยืนของเขา พร้อมกันนั้นทรัมป์ยืนยันว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ถึงอย่างไรก็จะทำให้พรรครีพับลิกันเก็บชัยชนะต่อไป
ทว่า นักวิเคราะห์แย้งว่า ผลการเลือกตั้งล่าสุดบ่งชี้ว่า กระแสความนิยมในพรรคเดโมแครตจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ไมเคิล แมคโดนัลด์ จากมหาวิทยาลัยฟลอริดา วิจารณ์ว่า เวอร์จิเนียเป็น “ฆาตกรรมหมู่” สำหรับรีพับลิกัน
เพราะแม้กิลเลสพีพยายามวางตัวห่างออกมาจากทรัมป์ด้วยการออกโฆษณากระตุ้นการถกเถียงทางวัฒนธรรมเกี่ยวกับเชื้อชาติ ปืน ผู้อพยพผิดกฎหมาย และการจัดการกับของพวกอนุสาวรีย์และอนุสรณ์สถานรำลึกถึงสมาพันธรัฐอเมริกา ซึ่งก็คือพวกรัฐฝ่ายใต้ในสงครามกลางเมือง แต่กลยุทธ์ดังกล่าวกลับช่วยอะไรไม่ได้ เจ้าตัวก็ยอมรับว่า รีพับลิกันคงถอยห่างจากทรัมป์ยากเสียแล้ว
เดโมแครตยังตอกย้ำบาดแผลของรีพับลิกันในเวอร์จิเนีย ด้วยการกวาดชัยชนะทั้งในการเลือกตั้งรองผู้ว่าการรัฐและอัยการรัฐด้วย
นอกจากนี้เดโมแครตยังได้ที่นั่งจำนวนมากในสภาล่างของรัฐแมรีแลนด์ เวอร์จิเนีย และเวสต์เวอร์จิเนีย หากแนวโน้มเป็นเช่นนี้ต่อไปอีก ก็ย่อมเพิ่มความเป็นไปได้ที่รีพับลิกันอาจสูญเสียอำนาจการควบคุมรัฐสภาระดับประเทศ ด้วยการพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งกลางเทอมปีหน้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่มีสมาชิกทั้งหมด 435 คนนั้น จะเลือกตั้งกันใหม่ทุก 2 ปี
ปัจจุบัน รีพับลิกันครองเสียงข้างมากชนิดปลอดภัยหายห่วง แต่หากอำนาจการควบคุมนี้จบลง แผนการผลักดันกฎหมายต่างๆ ของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงความพยายามในการล้มล้างและแทนที่กฎหมายปฏิรูประบบสุขอนามัย อาจตกอยู่ภายใต้การคุกคาม