เอเจนซีส์/เอพี/MGR ออนไลน์ - สื่อโลกตะวันตกชี้ กลุ่มธนาคารซิตี้กรุ๊ป และทวิตเตอร์มีสิทธิ์ร่วง หลังพบหุ้นบริษัทการลงทุน คิงดอม โฮลดิงส์ (Kingdom Holding Co) ตกลงทันทีในวันอาทิตย์ (5 พ.ย.) หลังเจ้าของ เจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัล (Al-Waleed bin Talal) ถูกจับกุม ด้านเอพีชี้เชื่อโรงแรมสุดหรูระดับ 5 ดาวของโลก ริตซ์ คาร์ลตัน (Ritz Carlton) ในกรุงริยาด ถูกใช้เป็นหนึ่งในสถานที่กักตัว 11 เจ้าชายและรัฐมนตรีซาอุฯ พบถูกจองเต็มไปจนถึงต้นเดือนธันวาฯ แต่ยังไม่ชัดว่าเจ้าชายซาอุฯ ที่มั่งคั่งที่สุดในโลกถูกกักตัวอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้หรือไม่
CNBC สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) ว่า จากการให้สัมภาษณ์ด้วยพระองค์เองในเดือนที่ผ่านมา เจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัล (Al-Waleed bin Talal) วัย 62 พรรษา ทรงเปิดเผยว่า พระองค์ทรงลงทุนในนบริษัทชั้นนำโลกตะวันตกผ่านบริษัทการลงทุน คิงดอม โฮลดิงส์ (Kingdom Holding Co) ของพระองค์ ซึ่งธุรกิจชั้นนำที่เจ้าชายเข้าลงทุนได้แก่ ซิตี้กรุ๊ป ทวิตเตอร์ ทเวนตี้-เฟิสต์เซนจูรี ฟ็อกซ์ (Twenty-First Century Fox) ของรูเพิร์ต เมอร์ด็อกส์
โดยทางสื่อสหรัฐฯ มีความเชื่อว่า เจ้าชายทรงถือหุ้นของทวิตเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของทั้งหมด
CNBC วิเคราะห์ว่า ผลจากข่าวการที่พระองค์ถูกริยาดกวาดล้างคอร์รัปชัน อาจทำให้หุ้นบริษัทชั้นนำเหล่านี้ตกอยู่ใต้ภาวะแรงกดดัน ด้วยความกลัวในอนาคตของบริษัทการลงทุนคิงดอม โฮลดิงส์ ที่พระองค์ใช้ในการลงทุนในต่างแดน และแผนการลงทุนของทางบริษัทในอนาคต
ทั้งนี้ เอพีรายงานว่า หุ้นของบริษัท คิงดอม โฮลดิงส์ ตกลงทันที 7.6% ในวันอาทิตย์ (5) ที่ตลาดการซื้อขายซาอุดีอาระเบีย หลังการจับกุม ถึงแม้ว่าในเวลานี้ทางการซาอุฯจะออกแถลงว่า ***ยังไม่มีการยึดทรัพย์เกิดขึ้นก็ตาม***
CNBC ชี้ว่า ในเวลานี้เชื่อว่าหุ้นของซิตี้กรุ๊ปและทวิตเตอร์อาจจะยังไม่ได้รับความเสียหายจากข่าวการจับกุม อย่างน้อยในเวลานี้
โดยหนึ่งในนักวิเคราะห์ คิง ลิป (King Lip) หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนบริษัท เบเกอร์ อเวนิว แอสเซต แมเนจเมนต์ (Baker Avenue Asset Management) กล่าวให้ความเห็นว่า “ผมคิดว่าในบางสถานะที่ทางเจ้าชายได้ทรงถือไว้ อาจอยู่ภายใต้ความกดดัน”
และกล่าวต่อว่า “แต่ผมไม่เห็นถึงผลกระทบระยะยาวที่จะเกิดขึ้นเนื่องมาจากสิ่งนี้ เพราะนี่เหมือนเป็นการกระชับอำนาจทางการเมืองขององค์มกุฎราชกุมารซาอุฯ มากกว่าที่จะเป็นการกวาดล้างการคอร์รัปชันในความรู้สึกของผม”
สื่อสหรัฐฯ ชี้เปรียบเทียบไปถึงกรณีผู้บริหารกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ของวอลล์สตรีท หากเกิดถูกจับโดยคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ SEC ผลก็คือบริษัทโฮลดิงส์จะล้มทันที เพราะกลุ่มนักซื้อขายจะวิตกว่าอาจมีการถูกบังคับขายออกมาหลังจากนั้น
แต่อย่างไรก็ตาม CNBC ชี้ว่า ในกรณีของบริษัท คิงดอม โฮลดิงส์ อาจไม่ง่าย ประการแรก เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับซาอุดีอาระเบีย และประการที่สอง การลงทุนของเจ้าชายซาอุฯผู้เป็นเจ้าของ ไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะ
ในการให้สัมภาษณ์ของเจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัลกับ CNBC ในวันที่ 23 ต.ค. พระองค์ยืนยันว่า พระองค์ยังคงถือหุ้นของทวิตเตอร์อยู่ แต่เป็นจำนวนเท่าไหร่ เป็นสิ่งที่สาธารณะไม่รู้
ทั้งนี้ อ้างอิงจาก InsiderScore.com. มีความเชื่อว่า หุ้นที่เจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัล ทรงถืออยู่ในทวิตเตอร์นั้นใหญ่เป็นอันดับ 5 ของทั้งหมดในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งอ้างอิงจากเดือนธันวาคม 2016 ที่พบว่า พระองค์ถือในสัดส่วน 4.9%
ในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC ยังพบว่า เจ้าชายนักลงทุนยังทรงถือหุ้นของกลุ่มธนาคารซิตี้กรุ๊ปด้วย แต่ทว่าทางสื่ออเมริกันไม่รู้ถึงตัวเลขแน่นอนที่พระองค์ทรงถืออยู่ ซึ่งพบว่ามีการถือมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1991
อย่างไรก็ตาม สำหรับการถูกจับกุมในการเข้ากวาดล้างคอร์รัปชันของมกุฎราชกุมารซาอุฯที่ได้รับไฟเขียวจากกษัตร์ย์ซาลมานแห่งซาอุฯ พบว่าในเวลานี้เจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัล ยังไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหา แต่มีการสงสัยพระองค์ที่อาจเกี่ยวพันไปถึงธุรกิจฟอกเงิน
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานว่า นอกเหนือจากการที่เจ้าชายอัลวาลิด บิน ตาลัล จะทรงถูกจัดเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยประมาณ 17 พันล้านดอลลาร์ อ้างอิงจากนิตยสารฟ็อบส์ แล้ว
พระองค์ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราเป็นที่สุด ซึ่งมีทั้งเรือยอชต์ เครื่องบินเจ็ตส่วนพระองค์ พระราชวังที่หรูหรา และอ่างอาบน้ำแบบตุรกี และอื่นๆ อีกมากมาย
เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า มีข่าวว่าทางการซาอุฯ ใช้โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวทั่วกรุงริยาดเป็นที่กักขังกลุ่มของเจ้าชาย และเจ้าหน้าที่รัฐบาลซาอุฯ ระดับสูงที่ถูกกวาดล้าง อ้างอิงจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ซาอุฯ
ทั้งนี้ เอพีได้เปิดชื่อโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ริตซ์ คาร์ลตันกลางกรุงริยาด โดยเชื่อว่าเป็นที่กักขังของกลุ่มผู้ถูกจับกุม ซึ่งไม่นานก่อนหน้าที่จะมีปฏิบัติการกวาดล้าง พบว่า มกุฎราชกุมารซาอุฯ ทรงเข้าร่วมงานประชุมการลงทุนระดับนานาชาติพร้อมกับบรรดานักธุรกิจระดับข้ามชาติเกิดขึ้นภายในโรงแรมแห่งนี้
เอพียังพบว่า โรงแรมหรูแห่งนี้ถูกจองจนเต็มไปถึงวันที่ 1 ธ.ค.ปลายปีนี้ แต่ในรายงานของเอพี ไม่ได้ระบุว่า เจ้าชายนักลงทุนแห่งซาอุฯทรงถูกกักตัวอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ด้วยหรือไม่ กล่าวแต่เพียงว่า ในเวลานี้ผู้ถูกกวาดล้างในคืนวันเสาร์ (4) ได้แก่ เจ้าชาย 11 พระองค์ และคนอื่นๆ ที่มีทั้งระดับรัฐมนตรีและนักธุรกิจ เป็นต้นว่า อัลวาลิด อัล-อิบราฮิม (Alwalid al-Ibrahim) รวมทั้งหมด 38 คนกำลังอยู่ในระหว่างการถูกสอบปากคำ
จากเงื่อนเวลาที่โรงแรมริตซ์ คาร์ลตัน ถูกจองเต็ม ทำให้ทางเอพีชี้ว่าการสอบสวนคดีนี้อาจกินเวลาที่ยาวนานร่วมหลายสัปดาห์
ด้าน แมริออต อินเตอร์เนชันแนล (Marriott International) กล่าวผ่านแถลงการณ์สั้นๆ เพียงว่า ในเวลานี้กำลังอยู่ในระหว่างการประเมินสถานการณ์ของโรงแรมริตซ์ คาร์ลตัน สาขากรุงริยาด
