รอยเตอร์ - รัฐบาลจีนและเกาหลีใต้เห็นพ้องในวันนี้ (31 ต.ค.) ให้มีการฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่เสื่อมถอยมานานนับปีกลับสู่ระดับปกติโดยเร็ว หลังจากปักกิ่งไม่พอใจที่โซลยอมให้สหรัฐฯ ใช้พื้นที่ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธล้ำสมัย และออกมาตรการกีดกันทางเศรษฐกิจจนภาคธุรกิจโสมขาวสูญเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล
การนำระบบป้องกันขีปนาวุธในบรรยากาศชั้นสูง (THAAD) เข้าไปติดตั้งบนคาบสมุทรเกาหลีทำให้จีนขุ่นเคืองอย่างมาก ซึ่งความบาดหมางครั้งนี้ได้บั่นทอนทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การค้าขาย และความสัมพันธ์เชิงวัฒนธรรมระหว่างทั้งสองชาติ
“ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่า การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างเกาหลีและจีนย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย และควรส่งเสริมให้การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือเหล่านี้กลับสู่เส้นทางพัฒนาตามปกติ” กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้แถลงวันนี้ (31)
ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนก็ระบุในทำนองเดียวกันว่า ทั้ง 2 ชาติจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กลับสู่ภาวะปกติ “ในเร็ววัน”
การปรองดองอย่างไม่คาดฝันนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วัน ก่อนที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะเดินสายเยือน 5 ประเทศในเอเชีย ซึ่งประเด็นหารือหลักๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องเกาหลีเหนือ
ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้แถลงว่า ประธานาธิบดี มุน แจอิน มีกำหนดพบปะและหารือนอกรอบกับประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ของจีน ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เวียดนามระหว่างวันที่ 10-11 พ.ย. โดยคาดว่าผู้นำทั้งสองจะใช้โอกาสนี้พูดคุยเรื่องโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ รวมถึงแนวทางยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี
เปียงยางได้นำขีปนาวุธหลายรุ่นออกมายิงทดสอบแบบถี่ยิบในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และทดลองระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 6 เมื่อต้นเดือน ก.ย. โดยหวังครอบครองขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ที่สามารถส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปถล่มแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ได้
พฤติกรรมก้าวร้าวของเกาหลีเหนือนั้นแม้แต่จีนซึ่งเป็นพันธมิตรหนึ่งเดียวก็ยังรับไม่ได้ และยอมสนับสนุนให้องค์การสหประชาชาติลงโทษเปียงยางด้วยมาตรการคว่ำบาตรที่หนักหน่วงยิ่งกว่าทุกครั้ง
เจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ระบุว่า ความสัมพันธ์ปักกิ่ง-เปียงยางที่เสื่อมถอยลงอาจมีส่วนทำให้จีนและเกาหลีใต้ยอมหันหน้าเข้าหากัน
เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการนาโตซึ่งอยู่ระหว่างเยือนญี่ปุ่น เรียกร้องวันนี้ (31) ให้รัฐสมาชิกยูเอ็นปฏิบัติตามมติคว่ำบาตรอย่างเข้มงวดและโปร่งใส พร้อมย้ำว่าเกาหลีเหนือกำลังเป็นภัยคุกคามต่อโลก และมีศักยภาพพอที่จะยิงขีปนาวุธไปโจมตีได้แม้กระทั่งยุโรปหรืออเมริกาเหนือ
“การทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือถือเป็นการสบประมาทคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น” สโตนเตนเบิร์ก ให้สัมภาษณ์หลังจากเข้าพบนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ
ขณะเดียวกัน ส.ส.เกาหลีใต้คนหนึ่งออกมาเตือนว่า พิมพ์เขียวเรือรบของเกาหลีใต้อาจถูกโสมแดงขโมยไปได้ หลังจากที่ฐานข้อมูลของบริษัทต่อเรือในประเทศแห่งหนึ่งถูกแฮกเกอร์โจมตีเมื่อเดือน เม.ย.
กระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า รัฐบาลเกาหลีใต้นั้นทราบดีว่าจีนมีความกังวลเกี่ยวกับอานุภาพสอดแนมของระบบ THAAD และได้ยืนยันชัดเจนว่าไม่มีเจตนาคุกคามประเทศที่ 3 และจะไม่ใช้มันเพื่อบั่นทอนผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของจีน ซึ่งปักกิ่งเองแม้จะยังคัดค้านการติดตั้ง THAAD แต่ก็เข้าใจจุดยืนของเกาหลีใต้ และหวังว่ารัฐบาลโซลจะจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม
จีนไม่เคยยอมรับว่าใช้มาตรการแก้แค้นเกาหลีใต้ แต่บริษัทโสมขาวที่เปิดกิจการในแดนมังกรก็เผชิญทั้งบทลงโทษและกระแสต่อต้านจนสูญเสียรายได้มหาศาล โดยเฉพาะห้างค้าปลีกชั้นนำอย่าง “ล็อตเต้” ซึ่งยกที่ดินให้รัฐบาลโซลติดตั้ง THAAD
“รัฐบาลจีนยังย้ำจุดยืนเดิม โดยบอกว่าปัญหาที่บริษัทเกาหลีใต้เผชิญอยู่นั้นเป็นเพราะคนจีนรู้สึกโกรธแค้นเรื่อง THAAD” เจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ระบุ
ด้านโฆษก ล็อตเต้ คอร์ป กล่าวอย่างมีความหวังว่า คำประกาศของรัฐบาลจีนและเกาหลีใต้น่าจะช่วยให้กิจการของ ล็อตเต้ ในจีนดีขึ้นตามลำดับ
นักวิเคราะห์ต่างคาดหมายว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่และเกาหลีใต้จะค่อยๆ กลับคืนสู่แดนบวก หลังผ่านพ้นการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศครั้งที่ 19 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งทำให้ประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ก้าวขึ้นมาอยู่ในฐานะผู้นำทรงอำนาจสูงสุดของจีนคนที่ 3 ต่อเนื่องจาก เหมา เจ๋อตง และ เติ้ง เสี่ยวผิง
เมื่อต้นเดือนนี้ เกาหลีใต้และจีนเพิ่งจะฟื้นฟูข้อตกลงสว็อปค่าเงินมูลค่า 56,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สายการบินไชน่าแอร์ไลน์สก็เตรียมเปิดให้บริการเที่ยวบินมายังเกาหลีใต้อีกครั้ง หลังจากที่ระงับไปพักใหญ่