xs
xsm
sm
md
lg

In Pics : “ทรัมป์” อนุมัติเปิด 2,800 แฟ้มความลับลอบสังหารเจเอฟเค แต่ปิดส่วนลับสุดยอดต่อ - พบคาสโตร-อดีตคนสำคัญโซเวียตมีปฏิกิริยาหลังเกิดเหตุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อนุมัติแฟ้มความลับคดีลอบสังหารอดีตผู้นำสหรัฐฯ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ที่เมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ปี 1963 ถือเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยสู่สาธารณะ แต่พบผู้นำสหรัฐฯ เปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย ยังคงเก็บแฟ้มลับสุดยอดปริศนาที่อ่อนไหวต่อไป พบเอกสารลับชี้อดีตผู้นำคิวบา ฟิเดล คาสโตร ปฏิเสธกับตัวแทนสภาคองเกรส ปัดความเกี่ยวข้องถึงมือลอบสังหาร ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ส่วนบรรดาผู้นำอดีตสหภาพโซเวียตในเวลานั้นหวั่น ทางอเมริกาอาจกดปุ่มยิงขีปนาวุธโจมตีหลังสิ้นเจเอฟเค

เอเอฟพีรายงานวันนี้ (27 ต.ค.) ว่าหอจดหมายเหตุแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Archives)ประกาศผ่านทางเว็บไซต์ว่า ทางหอจดหมายเหตุจะเปิดเผยแฟ้มความลับเกี่ยวข้องกับการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ในปี 1963 สู่สาธารณะเป็นครั้งแรก

โดยพบว่าจะเป็นการเปิดเผยไฟล์ทั้งหมด 2,800 ไฟล์ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่มีไม่ต่ำกว่า 3,140 ไฟล์ เหมือนเช่นกฎหมายปี 1992 กำหนดไว้

NBC NEWS รายงานว่า กฎหมายฉบับนี้เกิดขึ้นมาจากอิทธิพลของภาพยนตร์การลอบสังหารเจเอฟเค ซึ่งได้กำหนดว่า แฟ้มความลัมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องต้องถูกเปิดเผยต่อสาธารณะภายในเวลาเที่ยงคืนตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ เว้นแต่ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จะใช้สิทธิคัดค้านด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง

โดยเอเอฟพีชี้ว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้อ้างว่า ผู้นำสหรัฐฯ ได้รับคำร้องขอพิเศษจากหน่วยงานความมั่นคงสำคัญ ทั้ง CIA, FBI และหน่วยงานอื่นๆ ในการที่ให้ยังคงเก็บรักษาแฟ้มความลับที่มีความอ่อนไหวกับความมั่นคงสหรัฐฯเป็นพิเศษไว้ พบว่าผู้นำสหรัฐฯ ตอบตกลง

และในการนี้ ทรัมป์ได้ให้เวลาหน่วยงานเหล่านี้ 6 เดือนในการออกมาอธิบายว่าเหตุใด “แฟ้มความลับบางส่วน” จึงไม่สามารถเปิดเผยสู่สาธารณะได้ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าปริศนาการเสียชีวิตของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี หรือที่รู้จักในนามของเจเอฟเค เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ปี 1963 ในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส

แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า “แฟ้มความลับเหล่านั้นยังคงมีข้อมูลที่อ่อนไหวอยู่ด้านใน” ซึ่งข้อมูลที่รวมไปถึงรายละเอียดของผู้ที่ให้เบาะแส และบทบาทของคนเหล่านั้น

แหล่งข่าวคนเดิมเปิดเผยว่า “ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องการให้ทุกอย่างโปร่งใส” และชี้ว่า มีความต้องการให้ข้อมูลทั้งหมดถูกเปิดเผยสู่สาธารณะให้เร็วที่สุด

ด้านผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารเจเอฟเคออกมาชี้ว่า แฟ้มความลับหลายพันไฟล์ที่ถูกเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (26) ไม่น่าจะมีข้อมูลที่ทำให้โลกตื่นตะลึงได้ หรือการทำให้ทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับการลอบสังหารต้องหมดไป

เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานถึงแฟ้มความลับที่เปิดเผยในจุดสำคัญเป็นต้นว่า อดีตผู้นำคิวบา ฟิเดล คาสโตร ได้บอกกับสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารแม้แต่น้อย เกิดขึ้นในขณะที่คณะกรรมการทีมสอบสวนของสภาล่างสหรัฐฯ เดินทางไปคิวบาในปี 1978 แต่ทว่าในเมโมของ CIA ชี้ว่า

***เอกอัครราชทูตคิวบาประจำสหรัฐฯ ในปี 1963 ได้แสดงความดีใจออกมานอกหน้าเมื่อทราบว่า ประธานาธิบดีเคนเนดีเสียชีวิต***

สื่ออังกฤษยังชี้ว่า ส่วนบรรดาผู้นำคนสำคัญของอดีตสหภาพโซเวียตในเวลานั้น ต่างมองมือลอบสังหารเจเอฟเค ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ (Lee Harvey Oswald) ว่า “เป็นคนบ้าที่มีความผิดปกติทางสมอง” ผู้ซึ่งไม่จงรักภักดีต่อประเทศของตัวเองและทุกสิ่ง และพบว่าผู้นำโซเวียตเหล่านั้นต่างกลัวในทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดการลอบสังหาร ที่บางทีอาจเกิดขึ้นมาจากปีกการเมืองขวาที่ต้องการยึดอำนาจ หรือจากอดีตประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสัน

และทางกลุ่มผู้นำโซเวียตในเวลานั้นยังเกรงว่า บรรดานายพลผู้มีอำนาจของอเมริกา อาจจะคิดไม่รอบคอบและเกิดกดปุ่มสั่งยิงมิสไซล์ออกมา หลังการถึงแก่อสัญกรรมของผู้นำสหรัฐฯ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ในปี 1963

นอกจากนี้ เดอะการ์เดียนกล่าวว่า มีรายงานว่า ทาง FBI พยายามที่จะแกะรอยมือลอบสังหารเจเอฟเค ออสวอลด์ก่อนที่จะเกิดเหตุ อ้างอิงจากเมโมของหน่วย FBI สาขาเมืองนิวออลีนส์ ซึ่งในขณะนั้นทางเอเจนต์ได้ชี้ว่า ชายผู้นี้ตกเป็นที่สนใจของทางหน่วยงาน อ้างอิงจาก “แหล่งข่าวคิวบา”

ข้อมูลที่เปิดเผยใหม่ทำให้รับทราบว่า อ้างอิงจากสื่อ NPR สหรัฐฯ ชี้ว่าทาง FBI ได้รับการเตือนว่า ออสวอลด์ ผู้ที่ลงมือลอบสังหารประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคนเนดี อาจตกเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตด้วยการปลิดชีพตนเอง เกิดขึ้นไม่นานก่อนที่ชายผู้นี้จะถูกแจ็ก รูบี (Jack Ruby) เจ้าของไนท์คลับเมืองดัลลัสสังหาร

โดยพบว่าหนึ่งในเอกสารเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 1963 ระบุว่า ไม่นานหลังจากที่รูบีได้ยิงและปลิดชีพออสวอลด์แล้ว อดีตผู้อำนวยการ FBI ในเวลานั้น เจ. เอ็ดการ์ ฮูฟเวอร์ (J. Edgar Hoover) ได้เขียนในบันทึกรายงานว่า “เอเยนต์ FBI ประจำเมืองดัลลัสได้รับโทรศัพท์จากชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเขาเป็นสมาชิกขององค์กรหนึ่งที่ตั้งขึ้นเพื่อสังหารออสวาลด์”

ในเอกสารระบุว่า ทาง FBI ได้เตือนไปที่ตำรวจเมืองดัลลัส เพื่อต้องการทำให้แน่ใจว่าจะได้รับการคุ้มครอง แต่ทว่าในรายงานของฮูฟเวอร์ชี้ว่า “สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น” และในรายงานได้ชี้ว่า “รูบีได้ปฏิเสธว่า เขาไม่ได้เป็นผู้โทรศัพท์แจ้งแต่อย่างใด”

ซึ่งสื่อ NPR ชี้ว่า เป็นคำถามถึงแรงจูงใจของออสวอลด์ มือลอบสังหารเจเอฟเค และความเกี่ยวข้องในการเคลื่อนไหวกองกำลังคอมมิวนิสต์ในคิวบาและรัสเซีย และประเด็นที่ว่า รูบี ที่เกี่ยวข้องกับม็อบนั้นต้องปลิดชีพ ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ไปเพื่ออะไร ซึ่งทำให้การออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะถึงเอกสารจำนวนหลายพันชิ้นในวันพฤหัสบดี (26) นั้นจึงมีความสำคัญและน่าสนใจ

ในตอนท้ายของรายงานของอดีตผู้อำนวยการฮูฟเวอร์ในขณะนั้น ยอมรับว่า ทางเจ้าหน้าที่ FBI คาดหวังว่า ตัวออสวอลด์จะยอมรับสารภาพก่อนเสียชีวิต แต่สิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้น “ทางเรามีเอเยนต์ประจำที่โรงพยาบาล ในความหวังว่าบางทีเขาอาจจะยอมสารภาพออกมาก่อนที่จะสิ้นใจ แต่เขาไม่ยอมทำเช่นนั้น”




ภาพในเสี้ยววินาทีหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอห์น เอฟ เคนเนดี ถูกยิงที่ต้นคอแล้ว และร่างของเขาล้มไปที่สุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ แจ็กเกอลีน เคนเนดี
มือลอบสังหารเจเอฟเค ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์  (Lee Harvey Oswald)


กำลังโหลดความคิดเห็น