xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus: พันธมิตรมะกันยึดคืน “ร็อกเกาะห์” ตอกฝาโลง “ไอเอส” ในซีเรีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) ชูธงประกาศชัยชนะ หลังสามารถยึดเมืองร็อกเกาะห์กลับคืนมาจากกลุ่มไอเอส เมื่อวันที่ 17 ต.ค.
กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ ยึดเมืองร็อกเกาะห์กลับคืนมาจากกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 17 ต.ค. นับเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการสิ้นอำนาจของพวกนักรบญิฮาดหัวรุนแรงซึ่งเคยสถาปนาที่นี่เป็นเมืองหลวงของ “รัฐคอลีฟะห์” และยังใช้เป็นฐานบัญชาการก่อเหตุโจมตีในต่างประเทศ

เสียงยิงปืนเฉลิมฉลองดังกึกก้องขึ้นในเมืองใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรตีส นักรบกองกำลัง SDF พากันโบกธงสัญลักษณ์สีเหลืองขณะที่ขบวนรถหุ้มเกราะขับตะลุยเข้าไปถึงวงเวียน อัล-นาอีม ใจกลางเมืองร็อกเกาะห์ ซึ่งเคยถูกพวกไอเอสใช้เป็นลานประหาร

ภารกิจจู่โจมครั้งนี้กินเวลานานกว่า 4 เดือน ก่อนที่ไอเอสจะถูกขับไล่ออกจากเมืองหลวงและฐานที่มั่นหลักแห่งสุดท้ายของพวกเขาในซีเรีย

ร็อกเกาะห์เคยเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ที่ไอเอสใช้วางแผนโจมตีชาติตะวันตก ตัวประกันต่างชาติหลายคนถูกคุมขังและฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยมที่นี่ ขณะที่ผู้หญิงและเด็กชาวยาซิดีก็ถูกไอเอสจับขายเป็นทาส

แกนนำไอเอสซึ่งเล็งเห็นความพ่ายแพ้ได้ตัดสินใจทิ้งร็อกเกาะห์ไปตั้งแต่หลายเดือนก่อน โดยมุ่งหน้าลงใต้ไปยังพรมแดนอิรักแถบจังหวัดเดอีร์เอซซอร์ โดยเฉพาะที่เมืองมายาดีน (Mayadeen) ซึ่งถูกกองทัพรัฐบาลซีเรียยึดคืนได้ตั้งแต่วันเสาร์ (14)

มุสตาฟา บาลี โฆษกกองกำลัง SDF ประกาศยึดร็อกเกาะห์ทั้งเมืองไว้ได้เมื่อวันอังคาร (17) โดยสนามกีฬาขนาดใหญ่เป็นสถานที่สุดท้ายที่ได้รับการปลดปล่อย และเวลานี้นักรบ SDF ก็กำลังเร่งเคลียร์พื้นที่และทำลายกับระเบิด เพื่อเปิดถนนสายหลักให้สามารถใช้สัญจรได้อีกครั้ง

ด้านกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ คาดว่าอาจจะยังมีนักรบไอเอสกบดานอยู่ภายในเมืองอีกราวๆ 100 คน

“เราเข้าใจว่ายังมีพื้นที่อีกประมาณ 10% ที่ต้องเข้าไปเคลียร์ และอาจมีการต่อสู้ขัดขืนด้วย” และ พ.อ. ไรอัน ดิลลอน โฆษกกองทัพสหรัฐฯ ที่กรุงแบกแดดของอิรักให้สัมภาษณ์
คาราวานรถกระบะของกองกำลัง SDF ขณะแล่นผ่านเมืองอัยน์อิซซา (Ain Issa) ในซีเรีย เมื่อวันที่ 16 ต.ค.
การสูญเสียเมืองร็อกเกาะห์ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่สำหรับไอเอส ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯ ระบุว่าได้เสียดินแดนในอิรักและซีเรียไปแล้วถึง 87% ของทั้งหมดที่เคยยึดไว้ได้เมื่อปี 2014 ขณะที่นักรบไอเอสหลายร้อยคนก็ตัดสินใจทิ้งอาวุธมอบตัว

ก่อนหน้านี้ ทหารอิรักเพิ่งจะยึดคืน “โมซุล” เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรักกลับคืนจากไอเอสได้เมื่อเดือน ก.ค. ทำให้นักรบญิฮาดถูกบีบให้ไปกระจุกตัวอยู่ตามเมืองเล็กๆ ตลอดแนวชายแดน 2 ประเทศ

แม้รัฐคอลีฟะห์ซึ่งเคยมีพื้นที่พอๆ กับประเทศอังกฤษ และถือเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อที่ทรงพลังที่สุดของไอเอสจะถูกทำลายลงไปแล้ว แต่ผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯ เตือนว่า การล่มสลายของรัฐคอลีฟะห์ยังไม่ใช่จุดจบของแนวคิดสุดโต่งที่ปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนไอเอสลุกขึ้นมาก่อเหตุโจมตีแบบหมาป่าโดดเดี่ยว (lone wolf) ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักรบไอเอสบางกลุ่มก็เริ่มปฏิวัติตัวเองเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบที่เน้นปฏิบัติการแบบกองโจรมากขึ้น และมีสาขาอยู่ทั้งในตะวันออกกลาง แอฟริกา รวมถึงเอเชีย

ผู้นำไอเอสซื้อใจชาวอาหรับสุหนี่ด้วยการแสดงตัวปกป้องพวกเขาจากรัฐบาลท้องถิ่นที่ทุจริตและกดขี่ แม้ว่าประชาชนอาจจะไม่เห็นด้วยกับการตีความกฎหมายชารีอะห์แบบสุดโต่งก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่าความรู้สึกคับแค้นใจเช่นนี้ยังไม่หายไปไหน และอาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือได้อีกในอนาคต

“ผมเข้าใจว่าเวลานี้นักรบเคิร์ดซีเรียคงกำลังตื่นเต้นที่ยึดเมืองคืนได้ แต่ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มและลุ่มหลงกับชัยชนะมากจนเกินไปเป็นสิ่งที่ต้องพึงระวัง” ปีเตอร์ แมนดาวิลล์ อดีตที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเคยมีส่วนร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ต่อสู้ไอเอสช่วงปี 2015-2016 ระบุ

กองกำลัง SDF ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ เริ่มปฏิบัติการชิงคืนเมืองร็อกเกาะห์เมื่อต้นเดือน มิ.ย. การสู้รบด้วยอาวุธหนักอย่างดุเดือดได้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 3,250 คน เป็นพลเรือน 1,130 คน และยังมีผู้สูญหายไม่ทราบชะตากรรมอีกหลายร้อย ตามข้อมูลของศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีฐานที่กรุงลอนดอน

ชาวบ้านหลายร้อยคนที่เคยถูกไอเอสใช้เป็น “โล่มนุษย์” สบโอกาสหนีออกจากเมืองได้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากมีการทำข้อตกลงระหว่างผู้นำชนเผ่าและสภาจังหวัด ซึ่งส่งผลให้นักรบหัวรุนแรงในท้องถิ่น 275 คนพร้อมครอบครัวยอมวางอาวุธด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวซีเรียอีกราว 270,000 คนที่หนีตายออกจากร็อกเกาะห์ และยังคงใช้ชีวิตอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยด้วยสภาพที่ขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรค
สภาพความเสียหายของอาคารบ้านเรือนในย่านใจกลางเมืองร็อกเกาะห์ หลังได้รับการปลดปล่อยจากเงื้อมมือกลุ่มรัฐอิสลาม
“สงครามทำให้บ้านเรือนทั้งภายในและรอบๆ เมืองร็อกเกาะห์เสียหายยับเยิน ครอบครัวชาวซีเรียส่วนใหญ่จึงไม่มีบ้านให้กลับ และอาจจะต้องพักอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยอีกหลายเดือน หรืออาจจะเป็นปีๆ นับจากนี้” มูลนิธิ เซฟ เดอะ ชิลเดรน แถลงเมื่อวันอังคาร (17) พร้อมระบุว่ายังมีชาวซีเรียในจังหวัดเดอีร์เอซซอร์ที่ทิ้งบ้านเรือนหนีตายอีกกว่า 10,000 คนต่อวัน หลังพวกนักรบไอเอสหลั่งไหลเข้าไปยึดพื้นที่แถบนั้น

แม้จะได้รับการปลดปล่อยแล้ว ทว่าอนาคตของร็อกเกาะห์ยังเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา หลังจากนี้อาจมีการจัดตั้ง “สภาพลเรือนร็อกเกาะห์” (Raqa Civil Council) ที่ประกอบด้วยชาวเคิร์ดและอาหรับขึ้นบริหารกิจการภายในเมือง ทว่าประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียก็คงไม่ละความพยายามยึดดินแดนกลับไปอยู่ภายใต้อำนาจปกครองของดามัสกัสดังเดิม

ฮีทเธอร์ เนาเอิร์ท โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้แจงเมื่อวันอังคาร (17) ว่า ภารกิจขั้นต่อไปสำหรับสหรัฐฯ จะจำกัดอยู่แค่การฟื้นฟูสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานในเมืองร็อกเกาะห์ เช่น ระบบไฟฟ้าและน้ำประปา แต่จะไม่ข้องเกี่ยวกับกระบวนการสร้างความเป็นชาติ (nation-building) อย่างที่เคยทำกับประเทศอื่นๆ

สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ บางคนยังเตือนทุกฝ่ายว่าไม่ควรย่ามใจกับความสำเร็จที่ร็อกเกาะห์ จนเผลอรามือในการทำสงครามกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย

“เราควรเฉลิมฉลองที่เมืองหลวงไอเอสล่มสลาย และดีใจกับชาวซีเรียที่ได้รับการปลดปล่อย แต่อย่าลืมว่ายังไม่ถึงเวลาที่เราจะวางมือได้” ส.ว.เบน แซสส์ หนึ่งในคณะกรรมการกิจการกองทัพแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น